วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บันทึก ๖๐ เรื่องน่ารู้ ในหลวงของเรา

วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ เป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี...ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวโรกาสสำคัญยิ่งนี้ ทีมข่าวสตรีไทยรัฐ ได้ทำการรวบรวม ๖๐ เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับในหลวงของเรา นำมาถ่ายทอดสู่สาธารณชน โดยครอบคลุมทั่วทุกด้าน ตั้งแต่พระราชประวัติ, พระราชกรณียกิจสำคัญๆ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยส่วนพระองค์

๑) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเฉลิมพระ ปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

๒) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ รัตนโกสินทร์ศก ๑๔๖ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงศึกษาวิชาแพทย์อยู่

๓) ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่สาม ทรงมีพระเชษฐภคินี ๑ พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ๑ พระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทุกพระองค์ประสูติในต่างประเทศ

๔) เสด็จกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกพร้อมสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี เมื่อพระชนม์ได้ ๑ ชันษา ในเดือนธันวาคม ๒๔๗๑

๕) ทรงสูญเสียทูลกระหม่อมพ่อตั้งแต่ พระชนม์ไม่ถึง ๒ พรรษา โดยสมเด็จพระบรมราชชนกทรงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๗๒

๖) ทรงศึกษาเล่าเรียนในต่างประเทศตลอดพระชนม์ชีพ เว้นแต่ในช่วงพระชนมพรรษา ๕ พรรษา ได้เสด็จเข้าศึกษาในโรงเรียนมาแตร์เดอี ๑ ปี ก่อนเสด็จไปประทับที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

๗) ทรงจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซานน์, ชั้นมัธยมจากโรงเรียนเอกอล นูแวล เดอ ลา ซืออิส โรมองด์ เมืองแชลลี ซูร โลซานน์ ต่อมาในปี ๒๔๘๑ ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนยิมนาส คลาสสิค กังโตนาล เมืองโลซานน์ ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์ จากนั้น จึงทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลือกแผนกวิทยาศาสตร์

๘) เสด็จนิวัติประเทศไทยครั้งที่สอง วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ ขณะมีพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา

๙) เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคต ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ คณะรัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์แทน แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงเสด็จฯกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์

๑๐) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่สอง หลังประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข

๑๑) ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๒

๑๒) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในเดือนต่อมา

๑๓) พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีขึ้นเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

๑๔) ทรงมีพระราชธิดา ๓ พระองค์ และพระราชโอรส ๑ พระองค์ โดยทุกพระองค์ประสูติที่เมืองไทย ยกเว้นพระราชธิดาองค์โตคือ สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

๑๕) ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ และประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๑๕ วัน โดยทรงมีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

๑๖) เสด็จเยือนต่างประเทศเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีเป็นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๐๒ โดยเสด็จเยือนเวียดนามเป็นประเทศแรก และเสด็จเยือนแคนาดาเป็นประเทศสุดท้าย ในปี ๒๕๑๐ รวมทั้งสิ้น ๓๑ ครั้ง ๒๘ ประเทศ และนับแต่นั้นมามิได้เสด็จออกนอกพระราชอาณาจักรอีกเลย

๑๗) การเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการยาวนานที่สุดกินเวลา ๗ เดือนเต็ม มีขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๓ โดยเสด็จเยือน ๑๔ ประเทศในภูมิภาคยุโรป และอเมริกา

๑๘) จตุรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และสะท้อนความภาคภูมิใจของชาวเมืองเคมบริดจ์ ในฐานะที่เป็นเมืองเดียวของสหรัฐอเมริกาที่เคยมีพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชสมภพ .

๑๙) ทรงขึ้นชื่อว่าเป็นอัครศิลปิน เพราะทรงเปี่ยมด้วยพระอัฉริยภาพหลายด้าน โดยทรงศึกษาด้วยพระองค์เองจากตำราต่างๆ ในด้านจิตรกรรม ทรงเริ่มสนพระทัยวาดภาพ เมื่อพระชนมพรรษาได้ ๑๐ พรรษา และทรงวาดภาพอย่างจริงจัง เมื่อปี ๒๕๐๒ โดยมักจะทรงใช้เวลาในตอนค่ำหลังว่างจากพระราชภารกิจ แต่นับจากปี ๒๕๑๐ เป็นต้นมา ก็มิได้ทรงเขียนภาพอีกเลย

๒๐) เมื่อปี ๒๕๒๕ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ จำนวน ๔๗ ภาพ ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งยังทรงดำรงสิริราชสมบัติอยู่ ทรงแสดงภาพจิตรกรรมในฐานะศิลปินเดี่ยว

๒๑) ด้านประติมากรรม ทรงศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธีการต่างๆ ทั้งงานปั้น, หล่อ และทำแม่พิมพ์ งานประติมากรรมฝีพระหัตถ์แบบลอยตัว เก็บรักษาที่ตู้บนพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มี ๒ ชิ้นคือ รูปปั้นผู้หญิงเปลือยนั่งคุกเข่า ปั้นด้วยดินน้ำมัน และพระรูปปั้นครึ่งพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ

๒๒) โปรดการถ่ายรูปและถ่ายภาพยนตร์ เช่นเดียวกับสมเด็จพระ บรมราชชนนี โดยทรงเป็นนักถ่ายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง ทรงจัดทำห้องมืดขึ้นที่ชั้นล่างตึกทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ส่วนใหญ่เป็นแบบฉับพลันทันเหตุการณ์ ซึ่งทรงบันทึกไว้ระหว่างเสด็จฯไปตามสถานที่ต่างๆ

๒๓) ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทุกภาพ จะทรงจัดให้มีหมายเลขประจำภาพ เช่น ภาพครอบครัว, พระราชพิธี, ภาพราษฎรที่มาเฝ้า รวมถึงภูมิประเทศต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

๒๔) ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ใด จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ ๓ สิ่งคือ แผนที่ ซึ่งทรงทำขึ้นเอง, กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ โดยเวลาทรงงานจะทรงใช้ยางลบเสมอ เมื่อทรงพบเห็นอะไรก็จะทรงขีดเขียนลงบนแผนที่ เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงกระทำมาก่อน

๒๕) ทรงเคยประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง เป็นเครื่องร่อน และเรือรบจำลอง

๒๖) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกของโลก ที่ทรงได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์ คิด ค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือ กังหันน้ำชัยพัฒนา เมื่อปี ๒๕๓๖

๒๗) กีฬา โปรดของพระ องค์คือ แบดมินตัน, สกี และเรือใบ

๒๘) เมื่อปี ๒๕๐๗ ทรงต่อเรือใบที่ใช้งานได้จริงลำแรก เป็นเรือมาตรฐานสากลประเภท เอ็นเตอร์ไพรส์ คลาส พระราชทานชื่อว่า ราชปะแตน และปล่อยเป็นปฐมฤกษ์ในคูน้ำรอบสวนจิตรลดา

๒๙) ทรงต่อเรือใบพระที่นั่งด้วยพระองค์เองมาแล้วหลายลำ รวมถึงเรือชื่อ มด, ซุปเปอร์มด และไมโครมด ซึ่งจดทะเบียนระดับนานาชาติประเภท Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ
๓๐) นอกจากจะทรงโปรดเครื่องดนตรีเป่าทุกชนิดแล้ว ยังทรงกีตาร์และเปียโนด้วย ทรงเป็นผู้นำด้านการประพันธ์เพลงสากลของเมืองไทย โดยใส่คอร์ดดนตรีแปลกใหม่และซับซ้อน ทำให้เกิดเสียงประสานที่เข้มข้น

๓๑) เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงซื้อคือ คลาริเน็ต เมื่อพระชนมพรรษา ๑๐ พรรษา

๓๒) ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา โดยเพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ แสงเทียน และจนถึงขณะนี้ พระราชนิพนธ์เพลงไว้แล้ว ๔๗ เพลง

๓๓) เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๒๙ ทรงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์พระราชนิพนธ์ คำร้องและโน้ตเพลงครั้งแรก

๓๔) ทรงพระราชนิพนธ์เพลงประจำมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

๓๕) ทรงตั้งวงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ ย่อมาจากชื่อพระที่นั่งอัมพรสถาน สถานที่ทรงก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ส่วนวันศุกร์คือ วันที่ทรงดนตรีเป็นประจำ

๓๖) ทรงมีพระปรีชาสามารถโดดเด่นด้านภาษา โดยทรงถนัดทั้งภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน และอังกฤษ

๓๗) นอกจากจะทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไว้หลายเรื่อง อาทิ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระราชกิจรายวันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และเรื่อง เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์ ยังทรงอุทิศเวลาให้ กับพระราชนิพนธ์แปลด้วย เช่น นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ, ติโต และพระมหาชนก ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษจากพระไตรปิฎก

๓๘) พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ๒๕๓๑ ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดพิมพ์ในโอกาสพระราชพิธีฉลองปี กาญจนาภิเษก เมื่อปี ๒๕๓๙

๓๙) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงขับรถยนต์ พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยเป็นระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเชียงใหม่

๔๐) เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดของประเทศไทย

๔๑) เสด็จฯทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคลสายแรกของประเทศ และประทับรถไฟใต้ดิน เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗

๔๒) ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตร เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์, ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี

๔๓) ทรงมีสุนัขทรงเลี้ยง ๓๔ ตัว มีคุณทองแดง สุวรรณชาด เป็นสุนัขทรงโปรด ได้รับฉายาว่า สุนัขประจำรัชกาล

๔๔) ทรงช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่เกษตรกร ทำให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน

๔๕) โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกคือ โครงการสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน

๔๖) ทรงริเริ่มโครงการนาข้าวทดลอง ในบริเวณสวนจิตรลดา จากนั้นทรงริเริ่มโครงการโรงโคนม จัดตั้งเป็นโรงโคนมสวนจิตรลดา เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่การเลี้ยงโคนมอย่างถูกวิธี

๔๗) จนถึงปัจจุบัน มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเกือบ ๓ พันโครงการ มีทั้งเรื่องการศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สาธารณสุข, สวัสดิการสังคม และชลประทาน

๔๘) โครงการหลวง เป็นโครงการที่ทรงริเริ่มขึ้น เมื่อปี ๒๕๑๒ เพื่อช่วยเหลือชาวเขาทางภาคเหนือให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เลิกปลูกฝิ่นและหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจแทน

๔๙) เนื่องจากทรงห่วงใยพสกนิกรที่ต้องทนทุกข์จากการอาศัยในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนน้ำ จึงทรงริเริ่มโครงการฝนหลวง โดยทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าครั้งแรก ที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ เมื่อปี ๒๕๑๒

๕๐) ทรงริเริ่มโครงการเพื่อการศึกษาไว้มากมาย โดยทรงตั้งทุนภูมิพลพระราชทานทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ส่วนทุนเล่าเรียนหลวง ริเริ่มขึ้นในสมัย ร.๕ และยกเลิกไปเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภายหลังทรงรื้อฟื้นขึ้นใหม่ ในปี ๒๕๐๘ เพื่อส่งนักเรียนไทยไปศึกษาในต่างประเทศ นำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง

๕๑) โรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรกตั้งขึ้น เมื่อปี ๒๕๑๕ ณ บ้านหนองแคน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม

๕๒) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามภูมิภาคต่างๆ รวม ๖ แห่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชนบท

๕๓) โครงการพระดาบส เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดตั้งขึ้นปี ๒๕๑๙ เพื่อให้การศึกษาแก่บุคคลทั่วไป ไม่จำกัดเพศ วัย และวุฒิการศึกษา

๕๔) ในปี ๒๕๓๕ องค์การอนามัยโลก ได้ทูลเกล้าฯถวายเหรียญเทิดพระเกียรติ ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านสุขภาพอนามัยเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง

๕๕) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยรักษาพยาบาล ที่ปากทางเข้าเขตพระราชฐานเกือบทุกแห่ง โดยไม่คิดค่ารักษา

๕๖) ชาวบ้านจำนวนมากทุกข์ทรมานจากโรคฟัน จึงทรงให้จัดตั้งหน่วยทันตแพทย์เคลื่อนที่

๕๗) ทรงก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาประเทศไว้หลายแห่ง รวมถึง มูลนิธิชัยพัฒนา เน้นช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเร่งด่วน ซึ่งทางราชการไม่สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันที

๕๘) โครงการแก้มลิง เป็นโครงการที่ทรงคิดค้นเพื่อระบายน้ำท่วมขัง และกักน้ำไว้ใช้ในยามแห้งแล้ง

๕๙) ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ทรงพระราชทานปรัชญาสำคัญแก่ประชาชนชาวไทย นั่นคือ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำรงชีพอย่างพอเพียง โดยยึดหลักทางสายกลาง

๖๐) ล่าสุด ทางสหประชาชาติ นำโดย โคฟี อันนัน ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ยูเอ็นยกย่องว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ซึ่งทรงริเริ่มปรัชญาสำคัญๆไว้มากมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก และมีหลายประเทศนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนา

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

30 เรื่องน่ารู้ของแมลง

30 เรื่องน่ารู้ของแมลง (รู้แล้วจะอึ้ง!!)
- ระยะไข่ของแมลงที่ยาวนานที่สุด: 9เดือนครึ่ง ในไข่ของด้วงหนวดยาว Saperda carcharia
- วางไข่ได้มากที่สุด: นางพญาปลวก Macrotermes จำนวน 40,000ฟอง/วัน
- ตัวอ่อนของแมลงวันอีฟายริด อาศัยในน้ำพุร้อน ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส
- หมัดหิมะยังคงอยู่ในสภาพปกติ ที่อุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส
- ตัวอ่อนของริ้น Polypedilum สามารถดำรงชีวิตอยู่รอดโดยปราศจากน้ำเป็นปี และอยู่ได้ 3 วันในไนโตรเจนเหลว -196 องศาเซลเซียส
- ผีเสื้อพระจันทร์อินเดีย สามารถรับกลิ่นฟีโรโมนของคู่ผสมพันธุ์จากระยะทางไกล มากกว่า 11 กิโลเมตร
- วงชีวิตยาวนานที่สุดจักจั่นบางชนิด 17 ปี
- ตัวอ่อนมีอายุยาวนานที่สุด : - ตัวอ่อนของด้วงเจาะไม้ มีอายุยาวนาน 45 ปี
- วงชีวิตส้นที่สุด : แมลงวันมีวงชีวิตสั้นที่สุดครบสมบูรณ์ในวลา 17 วัน
- ขายาวที่สุดคือ ตั๊กแตนกิ่งไม้ยักษ์ 51 เซนติเมตร
- หนวดยาวที่สุด ด้วงหนวดยาวนิวกินี 20 เซนติเมตร
- กระโดดไกลที่สุด : ตั๊กแตนทะเลทราย 50 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะ 10 เท่าของความยาวลำตัว
- รังลึกที่สุด รังปลวกทะเลทรายอยู่ลึกจากพื้นดิน 40 เมตร
- รังใหญ่ที่สุด รังปลวกออสเตรเลีย สูง 7 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 31 เมตร
- รังสูงที่สุด รังปลวกแอฟริกันสูง 12.8 เมตร
- พลเมืองประมาณ 40,000 คน เสียชีวิตจากสาเหตุของการถูกต่อและผึ้งต่อย
- เป็นพาหะนำโรคมากที่สุด : แมลงวันบ้านนำเชื้อโรคและปรสิตต่างๆ มากกว่า 30 ขนิด
- ฝูงตั๊กแตนสามารถกินพืชผลถึง 20,000 ตัน/วัน
- ในศตวรรษที่ 14 หมัดหนูเป็นพาหะนำโรคกาฬโรค ซึ่งทำให้คนตายถึง 20ล้าน คน
- แมลงปอยักษ์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ บินได้อย่างต่ำ 69 กิโลเมตร
- แมลงมีชีวิตที่บินเร็วที่สุด ผีเสื้อเหยี่ยว ความเร็ว 53.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- กระพือปีกช้าที่สุด ผีเสื้อหางดิ่ง 300ครั้ง/นาที
- กระพือปีกเร็วที่สุด ริ้น Forcipomyia เร็ว 62,760 ครั้ง/นาที
- อพยพไกลที่สุด พีเสื้อเพ้นท์เลดี้ 6,436 กิโลเมตร จากอเมริกาเหนือถึงไอซ์แลนด์
- จำนวนมากที่สุด แมลงหางดีด ประมาณ 50,000 ตัว ต่อพื้นที่ทุ่งหญ้า 1 ตารางเมตร
- แมลงเล็กที่สุด ต่อมายมาริด ยาว 0.17 มิลลิเมตร
- แมลงใหญ่ที่สุด ด้วงไกโลแอธ ยาว 110 มิลลิเมตร หนัก 100 กรัม
- ปีกยาวที่สุด ผีเสื้อกลางคืน เฮอร์คิวลิสออสเตรเลีย กว้าง 28 เซนติเมตร
- เสียงดังที่สุด จักจั่น มนุษย์สามารถได้ยินเสียงของมันในระยะห่าง 400 เมตร
- ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด มากกว่าครึ่งหนึ่งของการตายของพลเมืองหลังจากยุคหินเป็นสาเหตุมาจากมาลาเรีย ซึ่ง "ยุง" เป็นพาหะนำโรค


ที่มา..หนังสือชุดแหล่งความรู้คู่กาย แมลง

เรื่อง เรื่องน่ารู้รอบตัว

1.ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก

2.ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3.ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4.ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน

5.มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6.พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7.เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้

เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8.เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น

9.นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10.ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สิ่งที่ทำให้รักยาวนาน



วันนี้ก็ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก เดลินิวส์ออนไลน์จึงนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักมาบอกกัน...

1.เป็นตัวของตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น

อย่าพยายามเปลี่ยนคนรักของคุณให้เป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น คนรักของคุณอาจจะไม่ได้สวยเหมือนนางงาม หรือหล่อเหมือนนายแบบ ขอให้รักในสิ่งที่คนรักของคุณเป็น ยังมีอีกหลายสิ่งอีกมากมายในตัวคนรักของคุณ ซึ่งมากกว่าสิ่งภายนอกที่ตาของคุณมองเห็น

2. มีอะไรต้องพูดกัน

สำหรับคุณผู้ชาย อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดต้องเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งบางทีคุณคิดว่ามันไร้สาระ ซึ่งต่างจากผู้หญิง อย่ามัวนั่งเดาความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ให้เรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าคุณกำลังรู้สึกอะไร ต้องการอะไร ทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดี หรือแม้แต่วันนี้ที่คุณอารมณ์ดี เป็นเพราะอะไร เมื่อคุณไม่ต้องการหรือหยุดที่จะถ่ายทอด บอกเล่าความรู้สึกของคุณให้กับอีกฝ่ายได้รับฟัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความรัก

3.หากิจกรรมทำร่วมกัน

หากิจกรรมอะไรก็ตามที่ทั้งคู่ สามารถทำด้วยกันแล้วมีความสุขกระทำร่วมกัน คุณอาจจะนั่งดูทีวี หรือไปเดินเล่นจูงมือกันในห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ตามแต่รสนิยมของคุณทั้งคู่ แล้วก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเรียกว่าเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยคุณผู้หญิงนานๆ ที ก็ลองนั่งดูรายการฟุตบอลรายการโปรดของคนรักของคุณเปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนคุณผู้ชายก็อาจจะลองไปเดินช็อบปิ้งเป็นเพื่อนคนรักของคุณดูสักครั้ง แทนที่จะไล่ให้คนรักของคุณไปช็อบปิ้งกับเพื่อน อาจจะทำให้ทั้งคู่เข้าใจอารมณ์ของกันและกันมากยิ่งขึ้น การที่คุณใช้เวลากับเพื่อนของคุณมากกว่ากับคนรักของคุณ อาจจะเป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของคุณกำลังสั่นคลอน

4.พบกันคนละครึ่งทาง

ถ้าหากคนรักของคุณกล้าที่จะโยนเสื้อตัวโปรด ขาดๆ เก่าๆ แต่คุณไม่ชอบของเขาทิ้ง คุณก็ไม่ควรจะโกรธ ถ้าเขาขอร้องให้คุณเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย ความสัมพันธ์ที่สมดุลและแนบแน่น ต้องประกอบไปด้วยการให้และการรับ เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้ที่จะพบกันคนละครึ่งทาง

5.แสดงความรักของคุณให้เขารู้

ลองซื้อดอกไม้ ขนม หรือน้ำหอม ให้กับคนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าคุณจะคบกันมา 5 ปีแล้วก็ตาม จะทำให้คุณรู้สึกดีที่ได้แสดงความรักแก่คนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นการบริหารความสัมพันธ์ของคู่ของคุณ แม้ว่าจะคบกันมานาน หัดเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่คุณรักและแสดงให้เขาเห็นว่า คุณใส่ใจ อาจจะเป็นเรื่องอาการไม่สบาย ขนมที่เขาชอบ หรือสีโปรดของเขา สิ่งเหล่านี้ เรารับรองว่าถ้าคุณลองทำ ความรักของคุณจะชุ่มชื่นจนใครๆ อิจฉา

6.ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

หยุดล้อเล่นและหัวเราะเยาะปมด้อย หรือข้อบกพร่องในตัวเขา หากเป็นเป็นสิ่งที่คุณเคยชินที่จะทำ ลองไตร่ตรองดูว่า เขาหรือเธออาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องตลกด้วยก็ได้ ถ้าหากว่าเขามีปมด้อย ตรงความเตี้ยของเขา คุณก็ควรจะหยุดเปรยชมคนตัวสูงๆ ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามา เพราะว่านั่นเป็นการทำลายความมั่นใจและความรู้สึกของเขาโดยตรง ความรักเป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และแคร์ความรู้สึกของกันและกันตลอดเวลา
7.ลืมความหลังเก่าเสีย หยุดพูดถึงเรื่องเก่าๆ

ไม่มีใครหรอกที่อยากจะพูดถึง และนึกถึงเรื่องที่เศร้าหรือเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเอง รู้จักให้อภัยและเลิกขุดคุ้ยข้อผิดพลาดของกันและกัน ให้อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบันมากกว่า

8.เลิกนิสัยขี้อิจฉาของคุณ

เราพนันได้เลยว่า ทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และระแวงในช่วงต้นของความสัมพันธ์ แต่อย่าเปลี่ยนความรู้สึกไม่ปลอดภัยและระแวงมาเป็นความอิจฉา วิธีทดสอบว่าคุณเริ่มอิจฉาก็คือ คุณเริ่มที่จะตรวจสอบกระเป๋าสตางค์หรือของส่วนตัวของเขา นั่นแหละคุณกำลังระแวงเขาอยู่ ความอิจฉา หรือความขี้หึงก็เหมือนกับยาพิษที่ค่อยๆ ทำลายความรักและความสัมพันธ์ของคุณไปทีละเล็กทีละน้อยโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวคนรักของคุณ ความรักจะต้องมีความมั่นใจเป็นพื้นฐาน

9.ฝึกเป็นคนรักษาคำพูด

ถ้าคุณเป็นคนชอบผิดนัดและผิดสัญญา ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่อง หากคุณคิดว่าจะคุณจะมีคนรัก คุณก็ควรจะให้ความสำคัญแก่คนรักของคุณ และพยายามอย่าทำให้เขาผิดหวัง ถ้าหากเป็นเรื่องที่ไม่สุดวิสัยจริงๆ เพราะจะทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อคนรักของคุณต้องรอคุณทานข้าว แล้วคุณไม่มา ถ้าหากคุณไม่สามารถทำตามสัญญา ก็อย่าสัญญา เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่คนรักของคุณเริ่มที่จะรู้สึกว่า เขาไม่มีความสำคัญต่อคุณสักเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณได้สูญเสียเขาคนนั้นไปแล้วก็ได้

10.จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรักของคุณ

ความซื่อสัตย์ที่เราหมายถึง คือ การอธิบายความรู้สึกของคุณอย่างตรงไปตรงมาแก่คนรัก อย่าปิดบังความรู้สึก ถ้าคุณรู้สึกว่าเขาทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด หรือโกรธเคือง จงบอกเขา อย่างไม่ต้องอาย ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อคนที่คุณรักได้แล้ว ใครที่คุณจะรักษาความซื่อสัตย์ด้วยได้ ความรักคือการให้ความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ก็อาจจะไม่ควรค่ากับความสัมพันธ์ที่คุณได้ทุ่มเทไป

สุดท้ายนี้ วันวาเลนไทน์ปีนี้ ก็ขออวยพรให้คู่รักทุกคู่มีความสุขและรักกันไปนานๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทายนิสัยจากฤดูที่ชอบ



ชอบฤดูฝน

แสดงว่าเป็นคนชอบเพ้อช่างฝัน มักจะคิดถึงความรู้สึกของตัวเองมากเกินไป มีโลกส่วนตัวสูง ต่อมโรแมนติกทำงานไม่ได้หยุดได้หย่อน คุณจึงมักจะเป็นคนเหงา เศร้าง่าย จริงๆ แค่ฝนตกคุณก็พร้อมจะไปนั่งริมหน้าต่าง ดูเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมา และคิดเรื่อยเปื่อยจนต่อมน้ำตาแตก มักจะทำงานตามอารมณ์ของตัวเอง ประมาณว่าถ้าไม่มีอารมณ์ก็ไม่ทำ คุณจึงไม่ใช่คนที่มีความกระตือรือร้นสูง แต่ก็มีความละเอียดอ่อนอยู่ในจิตใจ และสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดี

ชอบฤดูหนาว

แสดงว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงซะเหลือเกิน ถึงแม้ในบางคนจะขัดกับบุคลิกที่ออกจะหวาน ๆ ไม่ห้าวนักก็ตาม เป็นคนจิตใจมั่นคง มีพลังและเข้มแข็ง กล้าเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือชีวิตความเป็นอยู่ แต่ในบางครั้ง คนที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่างคุณก็มีอารมณ์และความรู้สึกที่อ่อนไหวง่ายได้เหมือนกัน เวลาที่อยู่คนเดียว

ชอบฤดูร้อน

แสดงว่าเป็นคนรักอิสระ เกลียดการอยู่ในกรอบหรือต้องเดินในเส้นที่คนอื่นขีดไว้ จิตใจเบิกบาน ร่าเริง เฮฮา แต่ก็แฝงไว้ซึ่งการเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่ยอมฟังคนอื่นเลย คุณยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก และเป็นคนประเภทสุขนิยม คือ แสวงหาความสุขและความรื่นรมย์ให้กับชีวิตมากกว่าจะคิดโน่นคิดนี่และทำให้ตัวเองเดือดเนื้อร้อนใจ แต่คุณก็เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นไม่น้อย

ชอบฤดูใบไม้ร่วง

แสดงว่าเป็นคนเจ้าระเบียบพอสมควรทุกอย่าง จะเน้นให้อยู่ในระบบ ชอบแสวงหาความมั่นคงปลอดภัยให้กับชีวิต ดังนั้นคุณจะช่างคิด ช่างวางแผนอย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนกว่าจะลงมืออะไรสักอย่าง ไม่ชอบความตื่นเต้นโลดโผนมากนัก มีชีวิตเรียบง่ายและมีความเป็นส่วนตัวสูง

ชอบฤดูใบไม้ผลิ

แสดงว่าเป็นคนจิตใจอ่อนโยน แต่ในเรื่องของความคิดอ่านจะตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว คือคุณจะคิดอ่านรุนแรงและชัดเจน มีความทะเยอทะยานสูง เป็นคนรักความก้าวหน้าโดยเฉพาะ เรื่องหน้าที่ การงาน จะมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ คนรอบข้างมักจะไม่ค่อยเห็นคุณท้อถอยอะไรง่ายๆ แต่คุณเป็นคนเบื่อง่าย เกลียดความ เงียบเหงาจึงไม่น่าสงสัยที่คุณมักจะติดเพื่อนและรักเพื่อนมาก

ใครชอบฤดูไหนลองนำไปทายนิสัยกันได้

วิธีคิดเพื่อชีวิตเป็นบวก



เคยไหมเครียดกับปัญหา จนรู้สึกบั่นทอนกำลังใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ?

แต่!! รู้หรือไม่ การนำหลัก Positive Thinking มาใช้ ช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ที่คิดว่าย่ำแย่ไปได้ เพราะความมหัศจรรย์ของการคิดบวก นอกจากจะช่วยให้ไม่กดดันตัวเองแล้ว ยังเป็นการสร้างกำลังใจให้พร้อมลุยกับปัญหาได้อย่างมั่นใจ ‘เกร็ดน่ารู้’ สัปดาห์นี้

มีวิธีคิดบวก เพื่อชีวิตที่เป็นบวกมาฝากกัน

1.สร้างความเชื่อมั่น ว่า ‘เราต้องทำได้’ ไม่ว่าจะเจอปัญหาใด ๆ ให้มองด้านบวกไว้ แม้จะคิดว่าจัดการไม่ได้ทั้งหมด แต่เชื่อเถอะว่าคุณสามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ หลักสำคัญคือการตั้งสติศึกษาปัญหา แล้วค่อย ๆ แก้ไข ขอเพียงหลีกเลี่ยงความคิดที่ว่า ‘ฉันทำไม่ได้แน่ ๆ’

2.สร้างจินตนาการ ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรค และอยากทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป รวมไปถึงการมีทัศนคติที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มองทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง เพื่อชีวิตที่สมดุล

3.คิดถึงความสำเร็จ แม้ทางไปสู่จุดหมายจะพบอุปสรรคบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่สำคัญไม่ควรมองตัวเองว่าไม่มีความสามารถ และ ‘อย่านำตัวเองไปเปรียบกับใคร’ เพราะเราไม่ใช่ใคร และใครก็ไม่ใช่เรา แต่ละคนมีทักษะต่างกัน แค่ตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

4.คิดมีเหตุผล เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในเรื่องต่าง ๆ อย่าโทษตัวเองทุกเรื่อง และอย่าคิดว่าครั้งต่อ ๆ ไปก็จะผิดพลาดตลอด ควรใช้หลักการคิดอย่างมีเหตุผล เพราะหลายคนมักประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป จึงยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลง

แนวทาง ‘คิดบวก’ เพียงเท่านี้ นอกจากจะช่วยโบกมือบ๊าย บาย อุปสรรคทางความคิด ‘กลัว’ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ชีวิตเป็นบวกได้ง่าย ๆ ด้วย.

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความรักไม่มี ผิด ถูก?



เค้าว่าเรื่อง "ความรัก" ไม่มีคำว่าถูกและผิด

คุณไม่ผิดที่ไปรักเค้าคนนั้น

และเค้าเองก้อคงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณ

ในทางตรงข้าม คุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเค้าคนนั้น

และเค้าก้อไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน

.........การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนัก

แต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่า

คุณอาจทำได้เมื่อมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตคุณ แต่มันคงไม่ง่าย

ถ้าคุณต้องหักใจให้ลืมในขณะที่คุณอยู่คนเดียว

..........เค้าว่าการชนะใจตัวเองนั้นอาจดีและมีค่าที่สุด

แต่ในเรื่องความรัก การชนะใจคนที่เรารักนั้นอาจย่อมมีค่ากว่า

แต่มันอาจมีค่ากว่านั้น

ถ้าคุณสามารถชนะใจตัวเองที่จะปฏิเสธกับความรักที่ย้อนมาหาคุณ

และมันอาจมีค่าที่สุด

ถ้าคุณยอมที่จะ "แพ้" ใจตัวเองเพื่อจะกลับไปหาความรักนั้น

...........ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน

แต่อย่าลืมว่าบนโลกไม่ได้มีแค่เค้าทั้งคู่อย่าโกรธเค้าที่ต้องปฏิเสธรักจากคุณ

ด้วยเหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ได้

ด้วยเหุผลว่าสังคมเราต่างกัน

ด้วยเหตุผลว่าเค้ายังรักคุณอยู่

ด้วยเหตุผลว่าเค้ารักคนอื่นที่มีค่าพอกับคุณ

...วิทยาศาสตร์อาจต้องการเหตุผล

แต่เรื่องความรักย่อมไม่ต้องการเหตุผลใดใด

คนดีอาจรักกับคนเลว

จงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนผิด

จงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนที่ไม่เอาไหน

และจงอย่าโทษตัวเองว่าเรารักคนที่ไม่ดี

เพราะสิ่งที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้ว จงเชื่อในสายตาของตัวเอง

จงเชื่อประตูหัวใจอันมีค่าที่เลือกจะเปิดรับเค้าคนนั้น

............แม้ใครจะพูดว่าคู่ของเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในแง่ของความรัก คุณทั้งสองเป็นคนดีของกันและกัน

อย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนตาบอด

อย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนหูหนวก

บางครั้งการไม่เห็นและไม่ได้ยิน

เพื่อรักษาและถนอมความรักเอาไว้

ก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

.............นิยามความรักแต่ละคนย่อมต่างกัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวัน

และไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกัน

และก้อคงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดิน

เพราะบางครั้งความรักคือ การเติมเต็ม

แต่บางครั้งความรักอาจคือ

การเสียสละและการแบ่งปัน

บางครั้งความรักอาจเป็น การดูแลและปกป้อง

อย่าไปคิดว่าทำไมคู่เราถึงไม่เหมือนคู่ของใครเค้า

อย่าไปคิดว่าคู่เราแปลกหรือเปล่า

อย่าไปสนใจว่าเราควรเปลี่ยนแปลงอะไรมั๊ย

ถ้าจะเปลี่ยน ขอให้เพื่อรักมิใช่เพื่อเลิกรัก