วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

มาลองทำข้อสอบฝรั่งเศสกัน

**ทำให้ครบก่อน 5 ข้อ นะจ๊ะห้ามแอบดูคำตอบก่อน เฉลยอยู่ข้างล่าง**
1. Que chosira un Français pour le débout du repas ?
a. Du camembert b. Des légumes crus
c. Un croissant d. Une tarte aux pommes
2. Il faut dire que le problème de la circulation à Bangkok ne peut pas......facilement.
a. se passer b. se régler
c. se disputer d. se débrouiller
3. Il est ....déconseillé de s'aventurer sur le chantier.
a. doucement b. fortment
c. patiemment d.dangereuesement
4. Un voyage de trois jour à Phuket pour trois mille baths! Voilà ..... intéressante.
a. un offre b.une bourse
c. une récompense d.une recommandation
5. Quelle est la phrase qui exprime l'encouragement ?
a. Décidément,tu n'es pas douè. b. Tu dois prendre des vacances.
c. Tu verras, c'est toi le meilleur. Tu gagneras! d. Merci beaucoup. C'est très gentil de votre part
........................................................ เฉลย .........................................................
ข้อ 1 ตอบ b. เพราะถามว่าคนฝรั่งเศสรับประทานอะไรก่อนมื้ออาหาร ซึ่งแปลว่า ผักดิบเรียกน้ำย่อยส่วน camembert เป็นเนยชนิดหนึ่งข้อ
2 ตอบ b.เพราะถามว่า ต้องบอกว่าปัญหาการจราจรในกรุงเทพไม่สามารถ...ได้อย่างง่ายๆซึ่งข้อb แปลว่า จัดการให้เป็นระบบข้อ
3 ตอบ b. เพราะโจทย์บอกว่า มันเป็น...ไม่เป็นคำแนะนำเสี่ยงในที่ก่อสร้าง ซึ่งb แปลว่า อย่างรุนแรงข้อ
4 ตอบ a. โจทย์บอกว่า ท่องเที่ยวที่ภูเก็ต 3 วันสำหรับเงิน 3,000 บาท นี่เป็น...ที่น่าสนใจa แปลว่าข้อเสนอ b.แปลว่า ทุนการศึกษา c. แปลว่า รางวัล d. แปลว่า คำแนะนำข้อ
5 ตอบ c. เพราะถามว่า คำพูดไหนที่แสดงถึงการให้กำลังใจซึ่งแปลว่า เธอทำได้ดีที่สุด เธอชนะ!
******** ลองทำข้อสอบกันแล้วเป็นไงบ้าง ต้องสะสมคำศัพท์ฝรั่งเศสเยอะๆซะแล้ววว*********

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประวัติความเป็นมา วัน Halloween



ประวัติความเป็นมา วัน Halloween

ประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นวันสำคัญอันหนึ่งของคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก ซึ่งพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตสถานได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ "ฮัลโลวีน" ไว้ดังนี้ ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่าคำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่าๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ) คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลายในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาสชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)



ทำไม วันฮาโลวีน ถึงเป็นวันที่ 31 ตุลาตม

ประวัติความเป็นมาอีกฉบับหนึ่ง ให้คำอธิบายถึงที่มาที่ไปของวันนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เป็นความเชื่อของชาวเซ็ลต์ (Celt) เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองในประเทศอังกฤษ โดยเชื่อว่าทุกวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันที่ประตูนรกถูกเปิดขึ้นมา บรรจบกับมิติโลกมนุษย์กันอย่างพอดี ทำให้เหล่าวิญญาณพยายามหาทางเข้าสิงมนุษย์ ซึ่งวิธีการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าสิงคือ "การปลอมตัว" ทำตัวเป็นผีเสียเอง ด้วยการตกแต่งต่างๆ นานาให้ดูน่ากลัวที่สุด เทียนและระบบทำความร้อนก็จะถูกดับ เพื่อให้ร่างกายเกิดความหนาวเย็นเปรียบเสมือนร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ส่วนบ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้ดูน่าสะพรึงกลัว และผู้คนต่างส่งเสียงเพื่อทำการขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายอีกทีนึง ทั้งนี้ หลายคนต่างสงสัยว่าทำไมสัญลักษณ์ของวันฮัลโลวีน ถึงเป็นหัวฟักทองแกะสลักสีส้ม เจ้าฟักทองนั้นมีชื่อว่า Jack O Lanterns เป็นตำนานของชาวไอริช ที่เป็นนักมายากลขี้เมาและได้ทำข้อตกลงกับปีศาจตนหนึ่ง ในกรณีที่เขาเสียชีวิตแล้ว เขาขอเพียงแค่ไม่ไปทั้งสวรรค์หรือนรก เมื่อถึงคราวชีพจรดับปีศาจตนนั้นจึงมอบถ่านอันคุกรุ่นให้แก่ Jack เขาจึงนำไปใส่ไว้ในหัวผักกาดเพื่อคอยปัดเป่าความหนาวเย็น ต่อมาชาวไอรีชจึงแกะหัวผักกาด และนำถ่านมาใส่เช่นกันเพื่อเป็นสิริมงคลในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตลอดทั้งปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปประเพณีดังกล่าวเริ่มแพร่หลายไปสู่ประเทศอเมริกา แต่หัวผักกาดเป็นสิ่งที่หายาก จึงนำลูกฟักทองมาแกะสลักแทน และนี่คือจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์สีส้ม และสีดำ ทั้งนี้ สีดำบ่งบอกถึงความมืดมิดช่วงเวลากลางคืน ส่วนสีส้มคือแสงสว่างที่ลุกโชติ เพื่อขับไล่ปีศาจนั่นเอง

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของคำว่าขนม


คำว่า "ขนม "เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่ผสมกันมาแล้ว คือ "ข้าวหนม" กับ "ข้าวนม" ข้าวหนมนั้นเข้าใจว่าเป็นข้าวผสมกับน้ำอ้อย น้ำตาล โดย คำว่า หนม แปลว่า หวาน อย่างข้าวหนมก็แปลว่าข้าวหวาน เรียกสั้นๆเร็วๆจึงเพี้ยนเป็นขนมไป ส่วนที่มาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) ออกจะดูเป็นแขก เพราะว่าอาหารของแขกบางชนิดใช้ข้าวผสมกับนม อย่างกับ ข้าวมธุปายาสของแขกโบราณ (ดังที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม) และเช่นเดียวกัน เมื่อพูดเร็วๆจึงเพี้ยนกลายเป็นขนมแทน คำว่าขนมมีใช้มานานหลายร้อยปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำผสมของอะไร จึงเป็นการยากที่จะสันนิษฐานให้แน่นอนได้ ของที่เรียกว่าขนมในสมัยโบราณ หรือในสมัยที่จะมีคำว่าขนมนั้นจะเป็นของที่เกิดจากข้าวตำป่น (แป้ง) แล้วผสมกับน้ำตาลเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขนมรุ่นแรก ฬนหนังสือไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงขนมต้มไว้เหมือนกัน เดิมมีแป้งกับน้ำตาล ต่อมามีคนดัดแปลงสอดใส้เข้าไปอีก ถึงตอนนี้ยังมีมะพร้าวปนอยู่ด้วย ขนมไทยจึงหนี มะพร้าว แป้ง และ น้ำตาลไม่พ้น ของทั้ง ๓ อย่างก็เป็นของพื้นเมืงที่หาได้โดยทั่วไป.

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เพื่อนสีรุ้ง...




เพื่อนสีรุ้ง...
คุณคิดว่า การที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขอย่างแท้จริง โดยไม่ฝืนหลอกตัวเองให้วิ่งวุ่นไปตามกระแสวัตถุนิยม เกิดจากปัจจัยกันบ้าง
บางคนอาจมองที่ตัวเองเป็นหลัก บางคนอาจมองครอบครัวเป็นตัวกำหนดชีวิต แต่มีหลายคนมองว่า "เพื่อน"เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของแรงกายและแรงใจให้เราต่อสู้กับ "ทุกข์"และหัวเราะไปกับ"สุข"ที่มาจ่อที่หน้าเรา
การเติบโตของชีวิตหนึ่งบนโลกใบนี้ ล้วนเจอะเจอกับเพื่อนอีกหลากหลายชนิดมากมาย เพื่อนบางคนคบแล้วจากไป บางคนคบแล้วจากแล้วกลับมาคบอีก บางคนคบกันขนาดถามถึงว่าใครจะไปงาน ศพใครก่อน...
หากเรานึกย้อนทบทวนเพื่อนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มีหลายแง่มุมที่เราเป็นตัวเราทุกวันนี้ เคยมีคนเปรียบเทียบปประเภทของเพื่อนไว้เป็นสีสันต่างๆดังนี้

เพื่อนสีเขียว คือ..เพื่อนที่มองทุกอย่างเป็นสิ่งสวยงาม พร้อมกับตั้งความหวังในทุกๆสิ่ง

เพื่อนสีฟ้า คือเพื่อนที่นำแต่สันติสุขและความเงียบสงบมาให้เพื่อน

สีเหลือง คือ...เพื่อนที่สามารถทำให้เราหัวเราะได้เมื่อเราเศร้าเพื่อน

สีแดง คือ...เพื่อนที่คอยเตือนเราในกฏต่างๆของชีวิตพร้อมกับคอยกระตุ้นเราให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น

เพื่อนสีส้ม คือ...เพื่อนที่คอยรักษาจิตวิญยาณด้วยพลังงานใหม่ๆด้วยวิตามินของความรักเพื่อช่วยให้พวกเราเติบโต

เพื่อนสีเทา คือ...เพื่อนที่คอยสอนพวกเราให้สงบ คอยช่วยตักเตือนให้เรารู้จักตัวเองและคนอื่นๆดีขึ้น

เพื่อนสีม่วงคือเพื่อนที่เหมือนคัมภีร์ไบเบิลคอยช่วยเหลือให้เราเรียนรู้ในอำนาจและปัญญาที่ถูกต้องของหัวใจ

เพื่อนสีน้ำตาล คือเพื่อนที่คอยช่วยเราให้เบาบางกับภาพลวงตาที่ผิดๆเข้าหาความเป็นจริงของชีวิตในแต่ละวันที่เรียบง่าย

เพื่อนสีขาว คือ...เพื่อนที่จะช่วยเราค้นหาปัญญาที่ซ้อนเร้นโดยการเรียนรู้กับประสบการณ์ของเรา
มีคนบอกว่า ถ้าเราสามารถรวมทุกประเภทของเพื่อนเราได้ทั้งหมด เราจะพบกับความรักสีรุ้ง ไม่แน่ว่าคุณได้พบเพื่อนสีรุ้งที่รวมทุกอย่างของความเป็นเพื่อนหรือยังนะ...หากยังขอแนะนำให้ค้นหาต่อไปเรื่อยๆ เพราะจุ๊!!เชื่อว่ายังมีเพื่ออนสีรุ้งอยู่บนโลกใบนี้

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์


ครั้งหนึ่ง ชายชราบนดวงจันทร์ได้มองลงมาที่ป่าใหญ่บนโลกมนุษย์ เขาเห็นกระต่าย ลิง และ สุนัขจิ้งจอก ทั้งสามอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น และต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ชายชราอยากรู้ว่าสัตว์ตัวไหนใจดีที่สุดจึงแปลงตัวเป็นขอทานแล้วลงจากดวงจันทร์ไปยังป่าที่สัตว์ทั้งสามอาศัยอยู่นั้น
" โปรดช่วยผมด้วย ผมหิว หิวเหลือเกิน" เขาพูดกับสัตว์ทั้งสามสัตว์ทั้งสามรู้สึกสงสาร ต่างแยกกันไปหาอาหารมาให้ขอทาน
ลิงนำผลไม้มาจำนวนมาก สุนัขจิ้งจอกจับได้ปลาตัวใหญ่ แต่กระต่ายไม่สามารถหาสิ่งใดมาได้เลยกระต่ายร้องคร่ำครวญ แต่แล้วก็ได้ความคิดขึ้นมา
" ได้โปรดเถอะ คุณลุง ช่วยกรุณานำไม้ฟืนมาให้ฉันหน่อย ส่วนคุณสุนัขจิ้งจอก ขอได้โปรดนำไม้ฟืนกองนั้นก่อไฟกองใหญ่ให้ฉันด้วย"
สัตว์ทั้งสองทำตามคำขอของกระต่ายเมื่อไฟลุกไหม้สว่างดีแล้ว กระต่ายก็พูดกับขอทานว่า" ผมไม่มีสิ่งใดจะให้คุณ ดังนั้นผมจะโยนตัวเองลงไปในกองไฟนี้ จากนั้นเมื่อผมถูกไฟเผาจนสุกดีแล้ว ขอให้คุณกินเนื้อของผมแทนก็แล้วกัน"
กระต่ายเตรียมพร้อมที่จะกระโจนลงไปในกองไฟและย่างตัวเอง แต่ทันใดนั้นขอทานก็เปลี่ยนร่างเป็นชายชราบนดวงจันทร์ตามเดิม
" เธอเป็นสัตว์ที่ใจดีมาก เจ้ากระต่าย แต่เธอไม่ควรทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายตัวของเธอเองเนื่องจากเธอเป็นสัตว์ที่ใจดีที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมด ฉันจึงขอนำเธอกลับขึ้นไปอยู่กับฉัน"
จากนั้น ชายชราบนดวงจันทร์ก็อุ้มกระต่ายนำไปที่ดวงจันทร์ ถ้าเรามองดูดวงจันทร์ให้ดีๆ ตอนที่ดวงจันทร์ส่องแสงนวลแจ่มจรัสนั้นเราจะเห็นกระต่ายอยู่บนนั้น ซึ่งชายชราเป็นผู้นำไปไว้เมื่อนานมาแล้ว
และนี่ก็เป็นตำนานที่มาของกระต่ายบนดวงจันทร์ของญี่ปุ่น

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

=BaD BadtZ Maru=




ชื่อ BAD BADTZ-MARU
วันเกิด 1 เมษายน (1993)
สถานที่เกิด เกาะโออาฮู ฮาวาย
ที่อยู่ อาศัยกับคุณแม่และคุณพ่อนักเล่นพินบอลในเมืองจอร์เจียส
บุคลิก เพนกวินน้อยที่แสนจะเกเรตัวนี้มักจะเอาเอาแต่ใจตัวเอง ชอบแกล้งผู้อื่นและต่อสู้เพื่อสิ่งที่ผิดๆอยู่เสมอ งานอดิเรกคือการสะสมภาพดาราที่แสดงหนังเป็นตัวร้ายนั่นเอง
ความใฝ่ฝัน อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่
โรงเรียน ชั้นป.1 จอร์เจียสอคาเดมี่
คุณรู้ไหมว่า?
- คำว่า Batz ( bat-tsu) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงเครื่องหมายกากบาท สัญลักษณ์ที่ใช้แสดงแทนคำตอบที่ผิด Maru หมายถึงวงกลม ที่เป็นสัญลักษณ์แทนคำตอบที่ถูกต้องในญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้น Badtz Maru จึงไม่ได้หมายความถึงเพนกวินนิสัยเสียเท่านั้น แต่ยังมีหมายถึง “ ผิด – ถูก ” อีกด้วย ซึ่งบ่อยครั้งจะถูกเขียนแทนด้วยเครื่องหมาย “OX” นั่นเอง Badtz เป็นหัวหน้าแก๊งแสนเกเรที่มี Pandabaและ Hana Maru เป็นสมาชิก


BAD BADTZ-MARU 's FRIEND

.Good Hana-Maru เจ้าแมวน้ำตัวน้อยที่แสนจะอ่อนหวานและเป็นมิตร เขาสามารถเป็นเพื่อนกับทุกๆคนได้ และเป็นแมวน้ำนิสัยดี หรือเรียกได้ว่าเป็นคนละขั้วกับ Badtz-Maru เลยก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจ Badtz มากที่สุด Hana Maru เป็นนักบอลฝีมือดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝีมือในการโหม่งบอลที่ยอดเยี่ยม) นอกจากนี้เขายังชื่นชอบการทำสวนอีกด้วย อาหารโปรดของเขาก็คือปลานั่นเอง
วันเกิด 7 สิงหาคม


Panda-Ba แพนด้าสาวเพื่อนซี้ของ Badtz ผู้เดินทางมาจากประเทศจีน ที่บางครั้งเธออาจจะทำตัวแปลกๆไปสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโปรงสั้นสีแดงที่เธอมักจะสวมอยู่เสมอ Pandaba ชอบดนตรีแร็พเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอไม่เคยเต้นได้เข้าจังหวะกับเพลงเลยสักที เธออาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอที่ชั้นบนของร้านอาหารจีนในเมืองจอร์เจียส วันเกิด 8 สิงหาคม


Pochi เกิดในบ่อน้ำลึกบนภูเขาจอร์เจียส เขาเป็นสัตว์เลี้ยงของ Badtz ที่แสนดี ชนิดที่คุณจะไม่เคยพบว่ามีจระเข้ที่ไหนแสนดีได้เท่าเขาอีกแล้วล่ะ Pochi มีฟันที่แข็งแรงและสามารถเคี้ยวได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่เขาจะดีใจมากหากสิ่งนั้นเป็นปลาย่างที่เขาชื่นชอบ และเขาก็ชอบการที่ได้ออกไปเดินเล่นกับ Badtz เป็นที่สุด บางคนอาจจะเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน แต่ Badtz-Maru ไม่ใช่คนทั่วไป เขาเลี้ยงจระเข้ไว้เฝ้าบ้าน ไม่ต้องเห่าเพราะมันกัดอย่างเดียว !! วันเกิด 2 สิงหาคม

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของความรักระหว่างคนสองคน



ที่มาของความรักระหว่างคนสองคน
ว่ากันว่าสมัยก่อนมนุษย์มีหัวใจสองดวง เป็นที่ต้องสงสัยของกามเทพน้อยมาก จึงคิดจะลงไปยังโลกมนุษย์ กามเทพน้อย:หัวใจสองดวงเหรอจะเป็นไปได้ยังไงต้องลงไปพิสูจน์ นางฟ้า:ไม่ได้หรอกนะ เราให้เจ้าลงไปโลกมนุษย์ไม่ได้หรอก กามเทพน้อยไม่สนใจ แผลงศรใส่นางฟ้าทันที กามเทพน้อย:น่ารำคาญจริง นางฟ้า:ว้าย และลงไปยังโลกมนุษย์ เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์อยู่หลายวัน และพบว่า โลกมนุษย์มีคนดีจำนวนมาก แต่ก็พบว่ามีคนชั่วมากมายเช่นกัน และสุดท้ายก็พบ ว่ามนุษย์มีหัวใจ2ดวงจริงๆ ด้วยความอยากได้กามเทพน้อยจึงขโมยหัวใจมนุษย์ คนละดวง จนครบทุกคนบนโลก และเดินทางกลับสวรรค์พร้อมกับหัวใจของ มนุษย์ แต่ตรงปากทางเข้าสวรรค์ สิ่งมีชีวิตอันน่าสยดสยองที่เรียกตัวเองว่านาง ฟ้า ได้ยืนรอการกลับมาของกามเทพ นางฟ้า:เฮ้ย!ไอ้เปี๊ยก วันนั้นเอ็งยิงชั้นไช่มั้ย กามเทพน้อยช๊อคซีนีม่าอย่างแรง และตกใจปล่อยถุงตกลงไป ทำให้หัวใจของ มนุษย์ตกลงไปและกระจายทั่วท้องฟ้า หัวใจรีบวิ่งกลับเข้าร่างมนุย์ทันที แต่ทว่า ไม่ได้กลับร่างเก่าของมัน หัวใจเปลี่ยนเจ้านายของมัน แน่นอนว่านางฟ้าโกรธ มาก นางฟ้า:ไอ้เบื๊อก!เอ็งทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า เอ็งต้องรับผิดชอบเอาหัวใจกับเจ้า ของร่างมาเจอกันให้ได้ กามเทพน้อย:ซวยเลยตู จึงกลายเป็นหน้าที่ของกามเทพที่จะตามหาหัวใจ หัวใจของเราที่ฝากไว้กับใคร คนหนึ่ง แล้วกามเทพก็แผลงศร อันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักของเขาทั้ง สอง แล้วคุณล่ะ จะรอให้กามเทพตามหาหัวใจของคุณ หรือว่าคุณจะตามหามัน ด้วยตัวของคุณเอง

ที่มาของสายรุ้ง


เจ้าชายแห่งทะเลมีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง ทุกๆวันบุตรทะเลจะไปคุยกับเทพธิดาแห่งท้องฟ้า นานวันเข้าจึงเกิดเป็นความรัก เจ้าแห่งทะเลบอกบุตรชายว่า" หากเจ้าพบกับนางข้าจะอนุญาต ให้เจ้าแต่งงานกับนาง บุตรทะเลจึงออกเดินทางไปเรื่อยๆ พร้อมกับเทพธิดาแห่งท้องฟ้าพวกเขาเดินทางเคียงข้างกันเป็นเส้นคู่ขนานพวกเขาก็ยังไม่อาจพบกัน บุตรทะเลตัดสินใจระเหยตนเองกลายเป็นไอสู่ฟากฟ้าเทพธิดาแห่งท้องฟ้าก็โปรยตนเองลงมาเป็นน้ำฝน ณ ที่นั้นเกิดเป็นปลายรุ้งที่ซึ่งท้องฟ้าและทะเลโค้งมาบรรจบกับ- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - อ้างอิงจาก หนังสือ เรื่อง To Haven... ร้อยรักไว้ในภาพฝัน

ความลับของดวงจันทร์


มนุษย์ที่ถือกำเนิดมาบนโลกนี้เกิดมาจากความรักและเกิดมาเพื่อพิสูจน์คำว่ารัก แล้วจานับอะไรกับดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า มนุษย์เกิดมาว่าสวยว่าหล่อแล้วดวงจันทร์นั้นสวยและหล่อกว่ามนุษย์อีก ก้ออย่างว่านะความรักไม่เข้าใครออกใครแล้วผิดตรงไหนที่ดวงจันทร์จะมีความรักไม่ได้
มีคนเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าดวงจันทร์ของเราเนี่ยก้อเคยมีความรักเหมือนกันนะแล้วก้อเปนรักที่บริสุทธิ์ที่คนยังต้องอิจฉา
เมื่อหลายร้อยล้านปีมาแล้วโลกของเราเคยมีดวงจันทร์อยุ่ 2 ดวง ซึ่งทั้ง 2 ไม่เคยที่จะเจอกันเลยจนมาวันนึงดวงจันทร์เจ้าหญิงได้หลงทางและหยุดการโคจรของตนไปชั่วขณะจนกระทั่งดวงจันทร์เจ้าชายได้มาเจอเข้าทั้ง 2 ต่างประทับใจซึ่งกันและกัน ดวงจันทร์เจ้าชายจึงได้พาดวงจันทร์เจ้าหญิงมาส่งที่วงโคจรของเจ้าหญิง หลังจากดวงจันทร์เจ้าหญิงและเจ้าชายก้อได้ไปมาหาสู่กันเป้นประจำจนกระทั่งคืนหนึ่งเปนคืนที่ทั้งคู่ได้เปล่งรัศมีความงามออกมาได้มากที่สุดเนื่องจากเปนคืนจันทร์เต็มดวง ดวงจันทร์เจ้าชายจะต้องไปปรากฎกายเปล่งแสงอยุ่ที่ขั้วโลกใต้แต่ดวงจันทร์เจ้าชายได้ขอนัดกับดวงจันทร์เจ้าหญิงไว้ซึ่งตอนขณะนั้นดวงจันทร์เจ้าหญิงก้อจาต้องไปเปล่งแสงอยุ่ที่ขั้วโลกเหนือ พอใกล้เวลานัดดวงจันทร์เจ้าชายต้องรีบไปอย่างรวดเร็วเพราะระยะทางนั้นแสนไกลในขณะที่เดินทางได้มีหินประหลาดก้อนหนึ่งซึ่งจะตกลงสุ่โลกขีดขวางอยุ่ดวงจันทร์เจ้าชายคิดว่ามีทางเลือกไม่มากนักจึงตัดสินใจเดินทางออกนอกเส้นวงโคจรซึ่งดวงจันทร์เจ้าชายรุ้ดีว่าถ้าเดินไปตามทางวงโคจรล่ะก้อจาต้องชนเข้ากับหินประหลาดแน่แต่ถ้ารอต่อไปอาจจาไม่ได้เจอกับดวงจันทร์เจ้าหญิงไปอีกตลอดกาลเลยก้อได้เนื่องจากว่าดวงจันทร์เจ้าหญิงคิดที่จะแตกสลายกลายเปนดวงดาวเพื่อที่จะช่วยพ่อและแม่ของตนในการไถ่บาปในการเดินทางไปครั้งนี้ดวงจันทร์เจ้าชายต้องการที่จะยับยั้งการกระทำของ
เจ้าหญิง โดยที่รุ้ดีว่าจะต้องแตกดับแน่ถ้าเดินทางออกนอกเส้นวงโคจร แต่ก้อยังทำเพื่อไปกระทำในสิ่งที่ตนต้องการที่สุด ซึ่งก้อทันเวลาแต่ว่าเลยเวลานัดไปมาก ดวงจันทร์เจ้าหญิงโกรธมากและไม่ยอมฟังอ่ะไรจากดวงจันทร์เจ้าชายเลยและหนีไป ดวงจันทร์เจ้าชายคิดที่จะตามไปแต่ก้อสายไปเสียแล้วไม่ทันที่จะได้บอกอ่ะไรกับดวงจันทร์เจ้าหญิงดวงจันทร์เจ้าชายก้อเริ่มค่อยสลายตัวกลายเปนหินก้อนเล็กๆ ไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งริน แต่ถึงจาเปนอย่างนั้นเศษหินเจ้าชายชิ้นเล้กชิ้นน้อยก้อยังคงพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะได้อยุ่คอยเฝ้ามองสิ่งที่รักและอยากจะปกป้องไปตลอดกาล จึงได้ตัดสินใจใช้กำลังที่มีอยุ่ทั้งหมดดันตัวเองเข้าสุ่เส้นวงโคจรย่อยเพื่อเกาะติดเปนดาวดวงน้อยอยุ่ใกล้กับดวงจันทร์เจ้าหญิง ซึ่งเมื่อดวงจันทร์เจ้าหญิงได้เดินทางไปเรี่อยก้อมีเพื่อนดวงจันทร์จากต่างดาวมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังเมื่อได้รุ้ความจิงก้อได้เดินทางกลับมาเพื่อมาหาดวงจันทร์เจ้าชายแต่ก้อสายไปเสียแล้วดวงจันทร์เจ้าหญิงเสียใจเปนอย่างมาก จึงตั้งใจที่จะทำสิ่งสุดท้ายที่คิดว่าจาทำให้กับดวงจันทร์เจ้าชายได้คือการอยุ่กับดาวเจ้าชายดวงน้อยที่กระอยุ่ตามแผ่นฟ้าตลอดไป หลังจากนั้นดวงจันทร์เจ้าหญิงก้อไม่คิดที่จะมีใครมาแทนที่ดวงจันทร์เจ้าชายอีก โดยได้ใช้ชีวิตเคียงคุ่กับดาวเจ้าชายดวงน้อยตั้งแต่นั้นมาถึงปัจจุบันและจะอยุ่ด้วยกันไปจนถึงอนาคตและจนถึงสิ่งที่เรียกว่านิรันดิ์

เรื่องราวน่ารักๆของกามเทพ


เรื่องราวน่ารักๆของกามเทพ

ในอดีตกาลนามมาแล้ว เค้าว่ากันว่า มนุษย์ทุกคนมีหัวใจด้วยกันจริงๆ
แล้วทั้งหมดสองดวง แต่ยังมีเทวดาน้อยอยู่องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักสิ่งที่เค้าเรียกว่าหัวใจ
ด้วยความที่สงสัยว่าหัวใจนั้นมันเป็นอย่างไร
เทวดาน้อยจึงได้ไปถามนางฟ้าผู้ที่ดูแลทางเข้าออกของประตูสวรรค์…
“ท่านนางฟ้า โปรดบอกข้า หัวใจคืออะไร…?” “หัวใจ…ก็คือสิ่ง บริสุทธิ์ สวยงาม ที่สุดของมนุษย์ยังไงเล่า”
“แล้วสิ่งที่เรียกมนุษย์อยู่แห่งใดล่ะ…?”
“อยู่เบื้องล่างยังอีกฟากของประตูสวรรค์นี่ยังไงเล่า”
“เปิดประตูให้ข้าไปชมหัวใจของมนุษย์ได้มั้ย นางฟ้า…?”
“มิได้หรอก มันผิดกฎของสวรรค์ เจ้ากลับไปซะเถอะ
แค่เจ้ามาสนทนากับข้าก็ผิดมากเท่าใดแล้ว เจ้ารู้ตัวมั้ย
เจ้าเทวดาน้อย” เทวนาน้อยทำทีว่าหันหลังกลับไป
แต่ด้วยความที่อยากได้หัวใจมาครอบครองไว้เป็นของตน
จึงได้นำคันศรธนูมา
แล้วยิงไปที่นางฟ้าผู้รักษาประตูสวรรค์หวังจะให้นางฟ้านั้น
สลบไปในชั่วข้ามคืนนั้นเองเทวดาน้อยแอบเปิดประตูสวรรค์แล้วบินไปยังโลกมนุษย์
กลางดึกของคืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ
มนุษย์ทุกคนต่างหลับกันหมดแล้ว
เทวดาน้อยจึงแอบบินเข้าไปในบ้านของมนุษย์ทุกคน
แล้วไปเอาสิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” ของทุกคนบนโลกมนุษย์ มาคนละหนึ่งดวง
แล้วนำลอยขึ้นไปบนสวรรค์
หวังจะขโมยกลับไปเป็นของตน
แต่ระหว่างที่เทวดาน้อยกำลังกลับเข้าไป ปากทางของประตูสวรรค์ได้มีนางฟ้าและเทวดาแห่งความรักยืนกั้นอยู่ เทวดาน้อยเห็นดังนั้นจึงบินหนี
แต่นางฟ้าองค์หนึ่งได้บินตามเพื่อมาแย่งหัวใจของมนุษย์ทั้งหมดมาไว้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหัวใจทั้งหมด
ได้เกิดกระจายออกแล้วร่วงโปรยปรายไปยังบนโลกมนุษย์และได้เกิดการสลับสับเปลี่ยนเจ้าของหัวใจกันในค่ำคืนนั้นเอง…
เทวดาน้อยถูกลงโทษด้วยการเป็นเด็กตลอดกาล
และเปลี่ยนชื่อเป็นกามเทพให้อยู่บนโลกมนุษย์
เพื่อตามหาหัวใจสองดวงของมนุษย์ที่ไปอยู่กับใครอีกดวงหนึ่ง
ให้มาพบกันตลอดไป ตอนนี้หัวใจของคุณอีกดวงหนึ่งก็คงอาจจะอยู่กับใคร
บนโลกใบนี้ก็เป็นได้ อย่ารอให้ กามเทพ เป็นคนหาหัวใจให้คุณ…
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องตามหาหัวใจของคุณคืนมา และเมื่อคุณได้มันคืนมาแล้ว
จงดูแลหัวใจคุณให้ดี อย่าได้ปล่อยให้หัวใจมันจากคุณไปอีก…
เพราะคุณอาจจะไม่มีวันเจอหัวใจอีกดวงที่แท้จริงของคุณตลอดชีวิต
หรือชั่วชีวิตก็เป็นได้

มนุษย์




มนุษย์


คน หรือ มนุษย์ สามารถนิยามได้ทั้งในทางชีววิทยา, ทางสังคม และทางเจตภาพ (spirituality) ในทางชีววิทยานั้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิด Homo sapiens (ภาษาละติน: "มนุษย์ผู้รู้") ซึ่งจัดเป็นไพรเมตยืนสองขาชนิดหนึ่งในวงศ์ใหญ่ Hominoidea ร่วมกับลิงไม่มีหางหรือวานรอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ลิงชิมแปนซี, ลิงกอริลลา, ลิงอุรังอุตัง และชะนี

มนุษย์มีลำตัวตั้งตรงซึ่งทำให้รยางค์คู่บนว่างลงและใช้จัดการวัตถุสิ่งของต่างๆ ได้ มนุษย์ยังมีสมองซึ่งพัฒนาอย่างมากและมีความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม, การพูด, การใช้ภาษา และการใคร่ครวญ

ในด้านพฤติกรรม ความเป็นมนุษย์นิยามด้วยการใช้ภาษา; การจัดโครงสร้างสังคมอันซับซ้อนในรูปของกลุ่ม, ชาติ, รัฐ และสถาบัน; และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ของมนุษย์ก่อให้เกิดวัฒนธรรมนับหมื่นนับพันวัฒนธรรม ซึ่งยึดถือความเชื่อ, ตำนาน, พิธีกรรม, คุณค่า และปทัสฐานทางสังคมต่างๆ กันไป

ความตระหนักถึงตนเอง, ความใคร่รู้ และการใคร่ครวญของมนุษย์ ตลอดจนความโดดเด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายธรรมชาติและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทั้งในทางวัตถุธรรมและในทางนามธรรม คำอธิบายในทางนามธรรมนั้นจะเน้นมิติทางเจตภาพของชีวิต และอาจรวมถึงความเชื่อในพระเป็นเจ้า, เทพเจ้า หรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ตลอดจนแนวคิดเรื่องวิญญาณ ความพยายามที่จะสะท้อนภาพตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นพื้นฐานของความคิดทางด้านปรัชญา และมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ