วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ความลับของแพนด้า


เมื่อเกือบ 200 ปีมาแล้ว มีมิทชันนารีฝรั่งเศสคนหนึ่ง เดินทางเข้าไปในประเทศจีน ได้พบโดยบังเอิญว่า ในประเทศนี้มีสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียวในโลก นั่นคือ เจ้า หมีแพนด้า
หลังจากนั้นประมาณ 150 ปีต่อมา จีนจึงได้อนุญาติให้สัตว์ชนิดนี้ได้มีโอกาสปรากฏโฉมในสหรัฐอเมริกา และบางประเทศในยุโรป ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ชาวโลกได้รู้จักหน้าค่าตามัน มันจึงกลายเป็นขวัญใจที่เรียกร้องความสนใจจากนักท่องเที่ยวทุกชาติที่ไปเที่ยวสวนสัตว์ที่มีเจ้าหมีแพนด้าอยู่
ครั้นพอจีนเกิดการปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 1950 ปิดประเทศและประกาศงดส่งแพนด้าออกนอกประเทศเด็ดขาด แต่เป็นเพราะเจ้าแพนด้าเป็นสัตว์ที่หาไม่ได้ในประเทศอื่น เพราะฉะนั้นเมื่อจีนเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่ง หมีแพนด้าจึงกลายเป็นเครื่องมือทางการทูตชั้นเยี่ยมของจีน มันถูกส่งไปเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่น อเมริกา เม็กซิโก การส่งเป็นคู่ ๆ เพื่อให้มันสร้างครอบครัวใหม่ในต่างแดน
แต่ในช่องเวลาไม่ถึง 50 ปีที่มันปรากฏโฉมสู่สายตาชาวโลก ก็มีข่าวว่า เจ้าแพนด้ากำลังจะสูญพันธ์เสียอีกแล้ว เพราะเขาได้สำรวจพบว่า เดิมในเมืองจีนเคยมีเจ้าหมีแพนด้าถึง 34 ชนิดนั้นได้ลดเหลือเพียง 10 ชนิด และมีจำนวนไม่ถึง 1000 ตัว ซึ่งพบว่าสาเหตุใหญ่มาจากพฤติกรรมอันลึกลับของมัน และร่างกายอันแสนประหลาด คือมันมีระบบย่อยอาหารของสัตว์กินเนื้อ แต่กลับกินพืชเป็นอาหาร และกินเฉพาะต้นไผ่เพี ยง 25 ชนิดเท่านั้น ในจำนวนนี้มีบางชนิดต้องใช้เวลา 30-120 ปีกว่าจะนำมาใช้เป็นอาหารได้ และชอบอาศัยอยู่ตัวเดียว
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังทุ่มเทความพยายามที่จะรักษาเผ่าพันธุ์ของมันไว้ นักชีววิทยาพยายามหาวิธีผสมเทียม ก็พบปัญหาที่วงจรตกไข่ที่สั้นมาก ปีหนึ่งจะมีเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้นแต่ถึงอย่างไรขณะนี้มีโครงการที่อนุรักษ์หมีแพน ทั่วโลกส่งเงินไปสมทบช่วยเหลือเป็นเงินมากมายน่าภูมิใจแทนหมีแพนด้าสัตว์โลกน่ารัก ที่มีผู้ห่วงใยถึงขนาดนั้น

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทำไมพุทธรักษาเป็นดอกไม้ประจำวันพ่อ


“พุทธรักษา” หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครอง ให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งเรียกกันมากว่า 200 ปี และสีเหลืองอันเป็นสีประจำวันพระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย
การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อ จึงเหมือนกับการบอกถึง ความรักและเคารพบูชาพ่อ ผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัว คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง
วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติ กำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี 2523 และกำหนดให้ ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อค่ะ

วันพ่อแห่งชาติ



วันพ่อแห่งชาติ เป็นวันสำคัญสัมพันธ์กับวันแม่แห่งชาติ ในการฉลองความเป็นพ่อและบุคคลที่นับถือในการเป็นพ่อ วันพ่อแห่งชาตินั้นทั่วโลกจะมีการจัดแตกต่างกันไป โดยในประเทศไทยจัดตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี โดยในกว่า 50 ประเทศจะจัดวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน

จอห์น บี. ดอดด์ ชาวอเมริกันเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดของวันพ่อแห่งชาติ โดยเริ่มต้นที่เมืองแฟร์มอนต์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ในโบสถ์แห่งหนึ่งในแฟร์มอนต์

วันพ่อแห่งชาติในแต่ละประเทศ
19 มีนาคม - สเปน โปรตุเกส อิตาลี
8 พฤษภาคม - เกาหลีใต้
5 มิถุนายน - เดนมาร์ก
วันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน - ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา ไอร์แลนด์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร
23 มิถุนายน - โปแลนด์
อาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม - บราซิล
อาทิตย์แรกของเดือนกันยายน - ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
อาทิตย์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน - ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน
5 ธันวาคม – ไทย

วันพ่อแห่งชาติในประเทศไทย
วันพ่อแห่งชาติในประเทศไทยตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจัดติดต่อกันทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2523 โดยการริเริ่มของ นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา คุณหญิงเนื้อพิทย์ เสมรสุต สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันพ่อได้แก่ ดอกพุทธรักษาซึ่งมีชื่ออันเป็นมงคล

วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ในประเทศไทย นอกจากจะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และเป็นวันพ่อแห่งชาติแล้ว ยังถือว่าวันนี้ เป็น “วันชาติของไทย” อีกด้วย
ประวัติ
วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อขึ้นแห่งชาติ เนื่องจากพ่อ เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะ “พ่อแห่งชาติ” ซึ่งนอกจากพระองค์จะเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงทะนุบำรุงพระราชโอรสธิดาด้วยความรัก และทรงอบรมอนุศาสน์ให้ทรงเจริญวัยสมบูรณ์ ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา อีกทั้งยังทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ทรงพระมหากรุณาทะนุบำรุงขจัดทุกข์ผดุงสุขพสกนิกรถ้วนหน้า พระองค์ทรงเป็น “พ่อแห่งชาติ” ที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้วัฒนาถาวรสืบไป

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

น้ำตา Tears Larme




น้ำตา คือ น้ำหรือสารคัดหลั่ง ที่มีหน้าที่หล่อเลี้ยงดวงตาให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ น้ำที่หล่อเลี้ยงดวงตานี้หลั่งมาจากต่อมน้ำตา หนังตา และเยื่อบุตา ตลอดเวลาในปริมาณเล็กน้อย จนไม่สังเกตว่ามีน้ำตา แต่เมื่อเวลาที่เกิดอารมณ์ดีใจ เสียใจ หรือมีสิ่งแปลกปลอมทำให้ระคายเตืองตา จะมีน้ำหลั่งมาจากต่อมน้ำตาในปริมาณมากพอให้เห็นได้ บางครั้งอาจมีลักษณะของตาแดง บวมช้ำ ร่วมด้วย




Tears are the liquid product of a process of lacrimation to clean and lubricate the eyes. The word lacrimation (also spelled lachrymation) may also be used in a medical or literary sense to refer to crying. Strong emotions, such as sorrow or elation, may lead to crying. The process of yawning may also result in lacrimation. Although most land mammals have a lacrimation system to keep their eyes moist, humans are the only mammal generally accepted to cry emotional tears.





Tous les mammifères, dont l'être humain sécrètent des larmes . Ce liquide lacrymal est un fluide biologique salé, secrété par les glandes lacrymales au niveau des yeux. Ce liquide nettoie et protège l'œil en facilitant l'évacuation des corps étrangers (poussière, insecte) qui pourraient y aboutir.
Les larmes sont produites lorsque le liquide lacrymal déborde de l'œil ou bien quand les glandes lacrymales sont bouchées. Elles se présentent sous forme de gouttes qui coulent le long des joues : le verbe qui désigne la production de larmes est pleurer (ou parfois larmoyer).Une production
(réflexe) accrue de larmes est activée par certains stimuli, par exemple si le système nerveux détecte un danger au niveau de la cornée tel qu'un contact avec un objet ou un acide (ex : l'acide qui attaque l'œil quand on épluche un oignon ; dans ce cas larmoyer permet de diluer l'acidité et de la chasser de la paroi oculaire.
Les larmes trahissent le plus souvent un état de
désespoir, de tristesse ou de douleur, mais peuvent aussi apparaître en d'autres circonstances émotionnelles : joie, rire... Pleurer est normalement d'un acte réflexe, mais certains comédiens peuvent les produire en évoquant intérieurement des circonstances provoquant la tristesse.
Dans diverses cultures, des "pleureuses" étaient ou sont encore appelées pour pleurer les morts.

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อัญชัน


อัญชัน (อังกฤษ: Asian pigeonwings;ชื่อวิทยาศาสตร์: Clitoria ternatea L. )
ลักษณะ:ไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้
ใบ: เป็นช่อยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ
ดอก: ดอกสีน้ำเงินแก่ ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ ยาว 2.5-3.5เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง ออกดอกเกือบตลอดปี
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน

สรรพคุณ
ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็น
ยาขับปัสสาวะ

คริสต์มาส Noël


คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานใน
พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 - ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

Noël

Noël est une fête chrétienne célébrant chaque année la naissance de Jésus de Nazareth, appelée Nativité.
Sa célébration à la date du
25 décembre a été fixée dans l'empire romain d'occident vers le milieu du IVe siècle, en remplacement de la célébration solaire, avant de se généraliser à toute la chrétienté. Les Églises orthodoxes, qui suivent le calendrier julien, célèbrent Noël le 7 janvier.
Au-delà de son contexte chrétien, dans lequel elle constitue avec
Pâques une des grandes fêtes, Noël est devenue une fête profane populaire qui trouve bon nombre d'expressions, célébrant notamment la familleet les enfants, faisant l'objet d'échanges traditionnels de cadeaux
La popularité de cette fête a fait que
Noël est devenu un patronyme et un prénom.

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Mer

Le terme générique de mer recouvre plusieurs réalités et peut désigner une grande étendue d’eau salée, une grande étendue d’eau salée différente des océans et une grande étendue sombre à la surface de la Lune.
Grande étendue d’eau salée
Cette définition confond les océans, les mers fermées ou ouvertes ainsi que les grands lacs salés. On la retrouve dans un contexte historique (À l'époque moderne, l'océan Atlantique traversé par Christophe Colomb porte le nom de mer océane) ou familier (Opposition de la mer et de la montagne dans les vacances, la mer est bonne ? pour évoquer la température de l'eau aussi bien océanique que maritime).

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

มด


มด ถูกจัดอยู่ในวงศ์ Formicidae อันดับ Hymenoptera มีจำนวนชนิดมากกว่า 12,000 ชนิด โดยพบมากในประเทศเขตร้อน มดมีการสร้างรังเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ บางรังมีจำนวนประชากรมากถึงล้านตัว มีการแบ่งวรรณะกันทำหน้าที่คือ วรรณะมดงาน เป็นมดเพศเมียเป็นหมัน ทำหน้าที่หาอาหาร สร้างและซ่อมแซมรัง ปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อน และอื่นๆอีกมากมาย เป็นวรรณะที่พบได้มากที่สุด วรรณะสืบพันธุ์ เป็นมดเพศผู้ และราชินี เพศเมีย มีหน้าที่สืบพันธุ์

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

มาลองทำข้อสอบฝรั่งเศสกัน

**ทำให้ครบก่อน 5 ข้อ นะจ๊ะห้ามแอบดูคำตอบก่อน เฉลยอยู่ข้างล่าง**
1. Que chosira un Français pour le débout du repas ?
a. Du camembert b. Des légumes crus
c. Un croissant d. Une tarte aux pommes
2. Il faut dire que le problème de la circulation à Bangkok ne peut pas......facilement.
a. se passer b. se régler
c. se disputer d. se débrouiller
3. Il est ....déconseillé de s'aventurer sur le chantier.
a. doucement b. fortment
c. patiemment d.dangereuesement
4. Un voyage de trois jour à Phuket pour trois mille baths! Voilà ..... intéressante.
a. un offre b.une bourse
c. une récompense d.une recommandation
5. Quelle est la phrase qui exprime l'encouragement ?
a. Décidément,tu n'es pas douè. b. Tu dois prendre des vacances.
c. Tu verras, c'est toi le meilleur. Tu gagneras! d. Merci beaucoup. C'est très gentil de votre part
........................................................ เฉลย .........................................................
ข้อ 1 ตอบ b. เพราะถามว่าคนฝรั่งเศสรับประทานอะไรก่อนมื้ออาหาร ซึ่งแปลว่า ผักดิบเรียกน้ำย่อยส่วน camembert เป็นเนยชนิดหนึ่งข้อ
2 ตอบ b.เพราะถามว่า ต้องบอกว่าปัญหาการจราจรในกรุงเทพไม่สามารถ...ได้อย่างง่ายๆซึ่งข้อb แปลว่า จัดการให้เป็นระบบข้อ
3 ตอบ b. เพราะโจทย์บอกว่า มันเป็น...ไม่เป็นคำแนะนำเสี่ยงในที่ก่อสร้าง ซึ่งb แปลว่า อย่างรุนแรงข้อ
4 ตอบ a. โจทย์บอกว่า ท่องเที่ยวที่ภูเก็ต 3 วันสำหรับเงิน 3,000 บาท นี่เป็น...ที่น่าสนใจa แปลว่าข้อเสนอ b.แปลว่า ทุนการศึกษา c. แปลว่า รางวัล d. แปลว่า คำแนะนำข้อ
5 ตอบ c. เพราะถามว่า คำพูดไหนที่แสดงถึงการให้กำลังใจซึ่งแปลว่า เธอทำได้ดีที่สุด เธอชนะ!
******** ลองทำข้อสอบกันแล้วเป็นไงบ้าง ต้องสะสมคำศัพท์ฝรั่งเศสเยอะๆซะแล้ววว*********

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประวัติความเป็นมา วัน Halloween



ประวัติความเป็นมา วัน Halloween

ประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นวันสำคัญอันหนึ่งของคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก ซึ่งพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตสถานได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ "ฮัลโลวีน" ไว้ดังนี้ ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่าคำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่าๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ) คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลายในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาสชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)



ทำไม วันฮาโลวีน ถึงเป็นวันที่ 31 ตุลาตม

ประวัติความเป็นมาอีกฉบับหนึ่ง ให้คำอธิบายถึงที่มาที่ไปของวันนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เป็นความเชื่อของชาวเซ็ลต์ (Celt) เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองในประเทศอังกฤษ โดยเชื่อว่าทุกวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันที่ประตูนรกถูกเปิดขึ้นมา บรรจบกับมิติโลกมนุษย์กันอย่างพอดี ทำให้เหล่าวิญญาณพยายามหาทางเข้าสิงมนุษย์ ซึ่งวิธีการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าสิงคือ "การปลอมตัว" ทำตัวเป็นผีเสียเอง ด้วยการตกแต่งต่างๆ นานาให้ดูน่ากลัวที่สุด เทียนและระบบทำความร้อนก็จะถูกดับ เพื่อให้ร่างกายเกิดความหนาวเย็นเปรียบเสมือนร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ส่วนบ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้ดูน่าสะพรึงกลัว และผู้คนต่างส่งเสียงเพื่อทำการขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายอีกทีนึง ทั้งนี้ หลายคนต่างสงสัยว่าทำไมสัญลักษณ์ของวันฮัลโลวีน ถึงเป็นหัวฟักทองแกะสลักสีส้ม เจ้าฟักทองนั้นมีชื่อว่า Jack O Lanterns เป็นตำนานของชาวไอริช ที่เป็นนักมายากลขี้เมาและได้ทำข้อตกลงกับปีศาจตนหนึ่ง ในกรณีที่เขาเสียชีวิตแล้ว เขาขอเพียงแค่ไม่ไปทั้งสวรรค์หรือนรก เมื่อถึงคราวชีพจรดับปีศาจตนนั้นจึงมอบถ่านอันคุกรุ่นให้แก่ Jack เขาจึงนำไปใส่ไว้ในหัวผักกาดเพื่อคอยปัดเป่าความหนาวเย็น ต่อมาชาวไอรีชจึงแกะหัวผักกาด และนำถ่านมาใส่เช่นกันเพื่อเป็นสิริมงคลในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตลอดทั้งปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปประเพณีดังกล่าวเริ่มแพร่หลายไปสู่ประเทศอเมริกา แต่หัวผักกาดเป็นสิ่งที่หายาก จึงนำลูกฟักทองมาแกะสลักแทน และนี่คือจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์สีส้ม และสีดำ ทั้งนี้ สีดำบ่งบอกถึงความมืดมิดช่วงเวลากลางคืน ส่วนสีส้มคือแสงสว่างที่ลุกโชติ เพื่อขับไล่ปีศาจนั่นเอง

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของคำว่าขนม


คำว่า "ขนม "เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่ผสมกันมาแล้ว คือ "ข้าวหนม" กับ "ข้าวนม" ข้าวหนมนั้นเข้าใจว่าเป็นข้าวผสมกับน้ำอ้อย น้ำตาล โดย คำว่า หนม แปลว่า หวาน อย่างข้าวหนมก็แปลว่าข้าวหวาน เรียกสั้นๆเร็วๆจึงเพี้ยนเป็นขนมไป ส่วนที่มาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) ออกจะดูเป็นแขก เพราะว่าอาหารของแขกบางชนิดใช้ข้าวผสมกับนม อย่างกับ ข้าวมธุปายาสของแขกโบราณ (ดังที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม) และเช่นเดียวกัน เมื่อพูดเร็วๆจึงเพี้ยนกลายเป็นขนมแทน คำว่าขนมมีใช้มานานหลายร้อยปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำผสมของอะไร จึงเป็นการยากที่จะสันนิษฐานให้แน่นอนได้ ของที่เรียกว่าขนมในสมัยโบราณ หรือในสมัยที่จะมีคำว่าขนมนั้นจะเป็นของที่เกิดจากข้าวตำป่น (แป้ง) แล้วผสมกับน้ำตาลเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขนมรุ่นแรก ฬนหนังสือไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงขนมต้มไว้เหมือนกัน เดิมมีแป้งกับน้ำตาล ต่อมามีคนดัดแปลงสอดใส้เข้าไปอีก ถึงตอนนี้ยังมีมะพร้าวปนอยู่ด้วย ขนมไทยจึงหนี มะพร้าว แป้ง และ น้ำตาลไม่พ้น ของทั้ง ๓ อย่างก็เป็นของพื้นเมืงที่หาได้โดยทั่วไป.

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เพื่อนสีรุ้ง...




เพื่อนสีรุ้ง...
คุณคิดว่า การที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขอย่างแท้จริง โดยไม่ฝืนหลอกตัวเองให้วิ่งวุ่นไปตามกระแสวัตถุนิยม เกิดจากปัจจัยกันบ้าง
บางคนอาจมองที่ตัวเองเป็นหลัก บางคนอาจมองครอบครัวเป็นตัวกำหนดชีวิต แต่มีหลายคนมองว่า "เพื่อน"เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักของแรงกายและแรงใจให้เราต่อสู้กับ "ทุกข์"และหัวเราะไปกับ"สุข"ที่มาจ่อที่หน้าเรา
การเติบโตของชีวิตหนึ่งบนโลกใบนี้ ล้วนเจอะเจอกับเพื่อนอีกหลากหลายชนิดมากมาย เพื่อนบางคนคบแล้วจากไป บางคนคบแล้วจากแล้วกลับมาคบอีก บางคนคบกันขนาดถามถึงว่าใครจะไปงาน ศพใครก่อน...
หากเรานึกย้อนทบทวนเพื่อนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มีหลายแง่มุมที่เราเป็นตัวเราทุกวันนี้ เคยมีคนเปรียบเทียบปประเภทของเพื่อนไว้เป็นสีสันต่างๆดังนี้

เพื่อนสีเขียว คือ..เพื่อนที่มองทุกอย่างเป็นสิ่งสวยงาม พร้อมกับตั้งความหวังในทุกๆสิ่ง

เพื่อนสีฟ้า คือเพื่อนที่นำแต่สันติสุขและความเงียบสงบมาให้เพื่อน

สีเหลือง คือ...เพื่อนที่สามารถทำให้เราหัวเราะได้เมื่อเราเศร้าเพื่อน

สีแดง คือ...เพื่อนที่คอยเตือนเราในกฏต่างๆของชีวิตพร้อมกับคอยกระตุ้นเราให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น

เพื่อนสีส้ม คือ...เพื่อนที่คอยรักษาจิตวิญยาณด้วยพลังงานใหม่ๆด้วยวิตามินของความรักเพื่อช่วยให้พวกเราเติบโต

เพื่อนสีเทา คือ...เพื่อนที่คอยสอนพวกเราให้สงบ คอยช่วยตักเตือนให้เรารู้จักตัวเองและคนอื่นๆดีขึ้น

เพื่อนสีม่วงคือเพื่อนที่เหมือนคัมภีร์ไบเบิลคอยช่วยเหลือให้เราเรียนรู้ในอำนาจและปัญญาที่ถูกต้องของหัวใจ

เพื่อนสีน้ำตาล คือเพื่อนที่คอยช่วยเราให้เบาบางกับภาพลวงตาที่ผิดๆเข้าหาความเป็นจริงของชีวิตในแต่ละวันที่เรียบง่าย

เพื่อนสีขาว คือ...เพื่อนที่จะช่วยเราค้นหาปัญญาที่ซ้อนเร้นโดยการเรียนรู้กับประสบการณ์ของเรา
มีคนบอกว่า ถ้าเราสามารถรวมทุกประเภทของเพื่อนเราได้ทั้งหมด เราจะพบกับความรักสีรุ้ง ไม่แน่ว่าคุณได้พบเพื่อนสีรุ้งที่รวมทุกอย่างของความเป็นเพื่อนหรือยังนะ...หากยังขอแนะนำให้ค้นหาต่อไปเรื่อยๆ เพราะจุ๊!!เชื่อว่ายังมีเพื่ออนสีรุ้งอยู่บนโลกใบนี้

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์


ครั้งหนึ่ง ชายชราบนดวงจันทร์ได้มองลงมาที่ป่าใหญ่บนโลกมนุษย์ เขาเห็นกระต่าย ลิง และ สุนัขจิ้งจอก ทั้งสามอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น และต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ชายชราอยากรู้ว่าสัตว์ตัวไหนใจดีที่สุดจึงแปลงตัวเป็นขอทานแล้วลงจากดวงจันทร์ไปยังป่าที่สัตว์ทั้งสามอาศัยอยู่นั้น
" โปรดช่วยผมด้วย ผมหิว หิวเหลือเกิน" เขาพูดกับสัตว์ทั้งสามสัตว์ทั้งสามรู้สึกสงสาร ต่างแยกกันไปหาอาหารมาให้ขอทาน
ลิงนำผลไม้มาจำนวนมาก สุนัขจิ้งจอกจับได้ปลาตัวใหญ่ แต่กระต่ายไม่สามารถหาสิ่งใดมาได้เลยกระต่ายร้องคร่ำครวญ แต่แล้วก็ได้ความคิดขึ้นมา
" ได้โปรดเถอะ คุณลุง ช่วยกรุณานำไม้ฟืนมาให้ฉันหน่อย ส่วนคุณสุนัขจิ้งจอก ขอได้โปรดนำไม้ฟืนกองนั้นก่อไฟกองใหญ่ให้ฉันด้วย"
สัตว์ทั้งสองทำตามคำขอของกระต่ายเมื่อไฟลุกไหม้สว่างดีแล้ว กระต่ายก็พูดกับขอทานว่า" ผมไม่มีสิ่งใดจะให้คุณ ดังนั้นผมจะโยนตัวเองลงไปในกองไฟนี้ จากนั้นเมื่อผมถูกไฟเผาจนสุกดีแล้ว ขอให้คุณกินเนื้อของผมแทนก็แล้วกัน"
กระต่ายเตรียมพร้อมที่จะกระโจนลงไปในกองไฟและย่างตัวเอง แต่ทันใดนั้นขอทานก็เปลี่ยนร่างเป็นชายชราบนดวงจันทร์ตามเดิม
" เธอเป็นสัตว์ที่ใจดีมาก เจ้ากระต่าย แต่เธอไม่ควรทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายตัวของเธอเองเนื่องจากเธอเป็นสัตว์ที่ใจดีที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมด ฉันจึงขอนำเธอกลับขึ้นไปอยู่กับฉัน"
จากนั้น ชายชราบนดวงจันทร์ก็อุ้มกระต่ายนำไปที่ดวงจันทร์ ถ้าเรามองดูดวงจันทร์ให้ดีๆ ตอนที่ดวงจันทร์ส่องแสงนวลแจ่มจรัสนั้นเราจะเห็นกระต่ายอยู่บนนั้น ซึ่งชายชราเป็นผู้นำไปไว้เมื่อนานมาแล้ว
และนี่ก็เป็นตำนานที่มาของกระต่ายบนดวงจันทร์ของญี่ปุ่น

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

=BaD BadtZ Maru=




ชื่อ BAD BADTZ-MARU
วันเกิด 1 เมษายน (1993)
สถานที่เกิด เกาะโออาฮู ฮาวาย
ที่อยู่ อาศัยกับคุณแม่และคุณพ่อนักเล่นพินบอลในเมืองจอร์เจียส
บุคลิก เพนกวินน้อยที่แสนจะเกเรตัวนี้มักจะเอาเอาแต่ใจตัวเอง ชอบแกล้งผู้อื่นและต่อสู้เพื่อสิ่งที่ผิดๆอยู่เสมอ งานอดิเรกคือการสะสมภาพดาราที่แสดงหนังเป็นตัวร้ายนั่นเอง
ความใฝ่ฝัน อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่
โรงเรียน ชั้นป.1 จอร์เจียสอคาเดมี่
คุณรู้ไหมว่า?
- คำว่า Batz ( bat-tsu) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงเครื่องหมายกากบาท สัญลักษณ์ที่ใช้แสดงแทนคำตอบที่ผิด Maru หมายถึงวงกลม ที่เป็นสัญลักษณ์แทนคำตอบที่ถูกต้องในญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้น Badtz Maru จึงไม่ได้หมายความถึงเพนกวินนิสัยเสียเท่านั้น แต่ยังมีหมายถึง “ ผิด – ถูก ” อีกด้วย ซึ่งบ่อยครั้งจะถูกเขียนแทนด้วยเครื่องหมาย “OX” นั่นเอง Badtz เป็นหัวหน้าแก๊งแสนเกเรที่มี Pandabaและ Hana Maru เป็นสมาชิก


BAD BADTZ-MARU 's FRIEND

.Good Hana-Maru เจ้าแมวน้ำตัวน้อยที่แสนจะอ่อนหวานและเป็นมิตร เขาสามารถเป็นเพื่อนกับทุกๆคนได้ และเป็นแมวน้ำนิสัยดี หรือเรียกได้ว่าเป็นคนละขั้วกับ Badtz-Maru เลยก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจ Badtz มากที่สุด Hana Maru เป็นนักบอลฝีมือดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝีมือในการโหม่งบอลที่ยอดเยี่ยม) นอกจากนี้เขายังชื่นชอบการทำสวนอีกด้วย อาหารโปรดของเขาก็คือปลานั่นเอง
วันเกิด 7 สิงหาคม


Panda-Ba แพนด้าสาวเพื่อนซี้ของ Badtz ผู้เดินทางมาจากประเทศจีน ที่บางครั้งเธออาจจะทำตัวแปลกๆไปสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโปรงสั้นสีแดงที่เธอมักจะสวมอยู่เสมอ Pandaba ชอบดนตรีแร็พเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอไม่เคยเต้นได้เข้าจังหวะกับเพลงเลยสักที เธออาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอที่ชั้นบนของร้านอาหารจีนในเมืองจอร์เจียส วันเกิด 8 สิงหาคม


Pochi เกิดในบ่อน้ำลึกบนภูเขาจอร์เจียส เขาเป็นสัตว์เลี้ยงของ Badtz ที่แสนดี ชนิดที่คุณจะไม่เคยพบว่ามีจระเข้ที่ไหนแสนดีได้เท่าเขาอีกแล้วล่ะ Pochi มีฟันที่แข็งแรงและสามารถเคี้ยวได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่เขาจะดีใจมากหากสิ่งนั้นเป็นปลาย่างที่เขาชื่นชอบ และเขาก็ชอบการที่ได้ออกไปเดินเล่นกับ Badtz เป็นที่สุด บางคนอาจจะเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน แต่ Badtz-Maru ไม่ใช่คนทั่วไป เขาเลี้ยงจระเข้ไว้เฝ้าบ้าน ไม่ต้องเห่าเพราะมันกัดอย่างเดียว !! วันเกิด 2 สิงหาคม

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของความรักระหว่างคนสองคน



ที่มาของความรักระหว่างคนสองคน
ว่ากันว่าสมัยก่อนมนุษย์มีหัวใจสองดวง เป็นที่ต้องสงสัยของกามเทพน้อยมาก จึงคิดจะลงไปยังโลกมนุษย์ กามเทพน้อย:หัวใจสองดวงเหรอจะเป็นไปได้ยังไงต้องลงไปพิสูจน์ นางฟ้า:ไม่ได้หรอกนะ เราให้เจ้าลงไปโลกมนุษย์ไม่ได้หรอก กามเทพน้อยไม่สนใจ แผลงศรใส่นางฟ้าทันที กามเทพน้อย:น่ารำคาญจริง นางฟ้า:ว้าย และลงไปยังโลกมนุษย์ เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์อยู่หลายวัน และพบว่า โลกมนุษย์มีคนดีจำนวนมาก แต่ก็พบว่ามีคนชั่วมากมายเช่นกัน และสุดท้ายก็พบ ว่ามนุษย์มีหัวใจ2ดวงจริงๆ ด้วยความอยากได้กามเทพน้อยจึงขโมยหัวใจมนุษย์ คนละดวง จนครบทุกคนบนโลก และเดินทางกลับสวรรค์พร้อมกับหัวใจของ มนุษย์ แต่ตรงปากทางเข้าสวรรค์ สิ่งมีชีวิตอันน่าสยดสยองที่เรียกตัวเองว่านาง ฟ้า ได้ยืนรอการกลับมาของกามเทพ นางฟ้า:เฮ้ย!ไอ้เปี๊ยก วันนั้นเอ็งยิงชั้นไช่มั้ย กามเทพน้อยช๊อคซีนีม่าอย่างแรง และตกใจปล่อยถุงตกลงไป ทำให้หัวใจของ มนุษย์ตกลงไปและกระจายทั่วท้องฟ้า หัวใจรีบวิ่งกลับเข้าร่างมนุย์ทันที แต่ทว่า ไม่ได้กลับร่างเก่าของมัน หัวใจเปลี่ยนเจ้านายของมัน แน่นอนว่านางฟ้าโกรธ มาก นางฟ้า:ไอ้เบื๊อก!เอ็งทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า เอ็งต้องรับผิดชอบเอาหัวใจกับเจ้า ของร่างมาเจอกันให้ได้ กามเทพน้อย:ซวยเลยตู จึงกลายเป็นหน้าที่ของกามเทพที่จะตามหาหัวใจ หัวใจของเราที่ฝากไว้กับใคร คนหนึ่ง แล้วกามเทพก็แผลงศร อันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักของเขาทั้ง สอง แล้วคุณล่ะ จะรอให้กามเทพตามหาหัวใจของคุณ หรือว่าคุณจะตามหามัน ด้วยตัวของคุณเอง

ที่มาของสายรุ้ง


เจ้าชายแห่งทะเลมีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง ทุกๆวันบุตรทะเลจะไปคุยกับเทพธิดาแห่งท้องฟ้า นานวันเข้าจึงเกิดเป็นความรัก เจ้าแห่งทะเลบอกบุตรชายว่า" หากเจ้าพบกับนางข้าจะอนุญาต ให้เจ้าแต่งงานกับนาง บุตรทะเลจึงออกเดินทางไปเรื่อยๆ พร้อมกับเทพธิดาแห่งท้องฟ้าพวกเขาเดินทางเคียงข้างกันเป็นเส้นคู่ขนานพวกเขาก็ยังไม่อาจพบกัน บุตรทะเลตัดสินใจระเหยตนเองกลายเป็นไอสู่ฟากฟ้าเทพธิดาแห่งท้องฟ้าก็โปรยตนเองลงมาเป็นน้ำฝน ณ ที่นั้นเกิดเป็นปลายรุ้งที่ซึ่งท้องฟ้าและทะเลโค้งมาบรรจบกับ- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - อ้างอิงจาก หนังสือ เรื่อง To Haven... ร้อยรักไว้ในภาพฝัน

ความลับของดวงจันทร์


มนุษย์ที่ถือกำเนิดมาบนโลกนี้เกิดมาจากความรักและเกิดมาเพื่อพิสูจน์คำว่ารัก แล้วจานับอะไรกับดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า มนุษย์เกิดมาว่าสวยว่าหล่อแล้วดวงจันทร์นั้นสวยและหล่อกว่ามนุษย์อีก ก้ออย่างว่านะความรักไม่เข้าใครออกใครแล้วผิดตรงไหนที่ดวงจันทร์จะมีความรักไม่ได้
มีคนเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าดวงจันทร์ของเราเนี่ยก้อเคยมีความรักเหมือนกันนะแล้วก้อเปนรักที่บริสุทธิ์ที่คนยังต้องอิจฉา
เมื่อหลายร้อยล้านปีมาแล้วโลกของเราเคยมีดวงจันทร์อยุ่ 2 ดวง ซึ่งทั้ง 2 ไม่เคยที่จะเจอกันเลยจนมาวันนึงดวงจันทร์เจ้าหญิงได้หลงทางและหยุดการโคจรของตนไปชั่วขณะจนกระทั่งดวงจันทร์เจ้าชายได้มาเจอเข้าทั้ง 2 ต่างประทับใจซึ่งกันและกัน ดวงจันทร์เจ้าชายจึงได้พาดวงจันทร์เจ้าหญิงมาส่งที่วงโคจรของเจ้าหญิง หลังจากดวงจันทร์เจ้าหญิงและเจ้าชายก้อได้ไปมาหาสู่กันเป้นประจำจนกระทั่งคืนหนึ่งเปนคืนที่ทั้งคู่ได้เปล่งรัศมีความงามออกมาได้มากที่สุดเนื่องจากเปนคืนจันทร์เต็มดวง ดวงจันทร์เจ้าชายจะต้องไปปรากฎกายเปล่งแสงอยุ่ที่ขั้วโลกใต้แต่ดวงจันทร์เจ้าชายได้ขอนัดกับดวงจันทร์เจ้าหญิงไว้ซึ่งตอนขณะนั้นดวงจันทร์เจ้าหญิงก้อจาต้องไปเปล่งแสงอยุ่ที่ขั้วโลกเหนือ พอใกล้เวลานัดดวงจันทร์เจ้าชายต้องรีบไปอย่างรวดเร็วเพราะระยะทางนั้นแสนไกลในขณะที่เดินทางได้มีหินประหลาดก้อนหนึ่งซึ่งจะตกลงสุ่โลกขีดขวางอยุ่ดวงจันทร์เจ้าชายคิดว่ามีทางเลือกไม่มากนักจึงตัดสินใจเดินทางออกนอกเส้นวงโคจรซึ่งดวงจันทร์เจ้าชายรุ้ดีว่าถ้าเดินไปตามทางวงโคจรล่ะก้อจาต้องชนเข้ากับหินประหลาดแน่แต่ถ้ารอต่อไปอาจจาไม่ได้เจอกับดวงจันทร์เจ้าหญิงไปอีกตลอดกาลเลยก้อได้เนื่องจากว่าดวงจันทร์เจ้าหญิงคิดที่จะแตกสลายกลายเปนดวงดาวเพื่อที่จะช่วยพ่อและแม่ของตนในการไถ่บาปในการเดินทางไปครั้งนี้ดวงจันทร์เจ้าชายต้องการที่จะยับยั้งการกระทำของ
เจ้าหญิง โดยที่รุ้ดีว่าจะต้องแตกดับแน่ถ้าเดินทางออกนอกเส้นวงโคจร แต่ก้อยังทำเพื่อไปกระทำในสิ่งที่ตนต้องการที่สุด ซึ่งก้อทันเวลาแต่ว่าเลยเวลานัดไปมาก ดวงจันทร์เจ้าหญิงโกรธมากและไม่ยอมฟังอ่ะไรจากดวงจันทร์เจ้าชายเลยและหนีไป ดวงจันทร์เจ้าชายคิดที่จะตามไปแต่ก้อสายไปเสียแล้วไม่ทันที่จะได้บอกอ่ะไรกับดวงจันทร์เจ้าหญิงดวงจันทร์เจ้าชายก้อเริ่มค่อยสลายตัวกลายเปนหินก้อนเล็กๆ ไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งริน แต่ถึงจาเปนอย่างนั้นเศษหินเจ้าชายชิ้นเล้กชิ้นน้อยก้อยังคงพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะได้อยุ่คอยเฝ้ามองสิ่งที่รักและอยากจะปกป้องไปตลอดกาล จึงได้ตัดสินใจใช้กำลังที่มีอยุ่ทั้งหมดดันตัวเองเข้าสุ่เส้นวงโคจรย่อยเพื่อเกาะติดเปนดาวดวงน้อยอยุ่ใกล้กับดวงจันทร์เจ้าหญิง ซึ่งเมื่อดวงจันทร์เจ้าหญิงได้เดินทางไปเรี่อยก้อมีเพื่อนดวงจันทร์จากต่างดาวมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังเมื่อได้รุ้ความจิงก้อได้เดินทางกลับมาเพื่อมาหาดวงจันทร์เจ้าชายแต่ก้อสายไปเสียแล้วดวงจันทร์เจ้าหญิงเสียใจเปนอย่างมาก จึงตั้งใจที่จะทำสิ่งสุดท้ายที่คิดว่าจาทำให้กับดวงจันทร์เจ้าชายได้คือการอยุ่กับดาวเจ้าชายดวงน้อยที่กระอยุ่ตามแผ่นฟ้าตลอดไป หลังจากนั้นดวงจันทร์เจ้าหญิงก้อไม่คิดที่จะมีใครมาแทนที่ดวงจันทร์เจ้าชายอีก โดยได้ใช้ชีวิตเคียงคุ่กับดาวเจ้าชายดวงน้อยตั้งแต่นั้นมาถึงปัจจุบันและจะอยุ่ด้วยกันไปจนถึงอนาคตและจนถึงสิ่งที่เรียกว่านิรันดิ์

เรื่องราวน่ารักๆของกามเทพ


เรื่องราวน่ารักๆของกามเทพ

ในอดีตกาลนามมาแล้ว เค้าว่ากันว่า มนุษย์ทุกคนมีหัวใจด้วยกันจริงๆ
แล้วทั้งหมดสองดวง แต่ยังมีเทวดาน้อยอยู่องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักสิ่งที่เค้าเรียกว่าหัวใจ
ด้วยความที่สงสัยว่าหัวใจนั้นมันเป็นอย่างไร
เทวดาน้อยจึงได้ไปถามนางฟ้าผู้ที่ดูแลทางเข้าออกของประตูสวรรค์…
“ท่านนางฟ้า โปรดบอกข้า หัวใจคืออะไร…?” “หัวใจ…ก็คือสิ่ง บริสุทธิ์ สวยงาม ที่สุดของมนุษย์ยังไงเล่า”
“แล้วสิ่งที่เรียกมนุษย์อยู่แห่งใดล่ะ…?”
“อยู่เบื้องล่างยังอีกฟากของประตูสวรรค์นี่ยังไงเล่า”
“เปิดประตูให้ข้าไปชมหัวใจของมนุษย์ได้มั้ย นางฟ้า…?”
“มิได้หรอก มันผิดกฎของสวรรค์ เจ้ากลับไปซะเถอะ
แค่เจ้ามาสนทนากับข้าก็ผิดมากเท่าใดแล้ว เจ้ารู้ตัวมั้ย
เจ้าเทวดาน้อย” เทวนาน้อยทำทีว่าหันหลังกลับไป
แต่ด้วยความที่อยากได้หัวใจมาครอบครองไว้เป็นของตน
จึงได้นำคันศรธนูมา
แล้วยิงไปที่นางฟ้าผู้รักษาประตูสวรรค์หวังจะให้นางฟ้านั้น
สลบไปในชั่วข้ามคืนนั้นเองเทวดาน้อยแอบเปิดประตูสวรรค์แล้วบินไปยังโลกมนุษย์
กลางดึกของคืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ
มนุษย์ทุกคนต่างหลับกันหมดแล้ว
เทวดาน้อยจึงแอบบินเข้าไปในบ้านของมนุษย์ทุกคน
แล้วไปเอาสิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” ของทุกคนบนโลกมนุษย์ มาคนละหนึ่งดวง
แล้วนำลอยขึ้นไปบนสวรรค์
หวังจะขโมยกลับไปเป็นของตน
แต่ระหว่างที่เทวดาน้อยกำลังกลับเข้าไป ปากทางของประตูสวรรค์ได้มีนางฟ้าและเทวดาแห่งความรักยืนกั้นอยู่ เทวดาน้อยเห็นดังนั้นจึงบินหนี
แต่นางฟ้าองค์หนึ่งได้บินตามเพื่อมาแย่งหัวใจของมนุษย์ทั้งหมดมาไว้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหัวใจทั้งหมด
ได้เกิดกระจายออกแล้วร่วงโปรยปรายไปยังบนโลกมนุษย์และได้เกิดการสลับสับเปลี่ยนเจ้าของหัวใจกันในค่ำคืนนั้นเอง…
เทวดาน้อยถูกลงโทษด้วยการเป็นเด็กตลอดกาล
และเปลี่ยนชื่อเป็นกามเทพให้อยู่บนโลกมนุษย์
เพื่อตามหาหัวใจสองดวงของมนุษย์ที่ไปอยู่กับใครอีกดวงหนึ่ง
ให้มาพบกันตลอดไป ตอนนี้หัวใจของคุณอีกดวงหนึ่งก็คงอาจจะอยู่กับใคร
บนโลกใบนี้ก็เป็นได้ อย่ารอให้ กามเทพ เป็นคนหาหัวใจให้คุณ…
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องตามหาหัวใจของคุณคืนมา และเมื่อคุณได้มันคืนมาแล้ว
จงดูแลหัวใจคุณให้ดี อย่าได้ปล่อยให้หัวใจมันจากคุณไปอีก…
เพราะคุณอาจจะไม่มีวันเจอหัวใจอีกดวงที่แท้จริงของคุณตลอดชีวิต
หรือชั่วชีวิตก็เป็นได้

มนุษย์




มนุษย์


คน หรือ มนุษย์ สามารถนิยามได้ทั้งในทางชีววิทยา, ทางสังคม และทางเจตภาพ (spirituality) ในทางชีววิทยานั้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิด Homo sapiens (ภาษาละติน: "มนุษย์ผู้รู้") ซึ่งจัดเป็นไพรเมตยืนสองขาชนิดหนึ่งในวงศ์ใหญ่ Hominoidea ร่วมกับลิงไม่มีหางหรือวานรอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ลิงชิมแปนซี, ลิงกอริลลา, ลิงอุรังอุตัง และชะนี

มนุษย์มีลำตัวตั้งตรงซึ่งทำให้รยางค์คู่บนว่างลงและใช้จัดการวัตถุสิ่งของต่างๆ ได้ มนุษย์ยังมีสมองซึ่งพัฒนาอย่างมากและมีความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม, การพูด, การใช้ภาษา และการใคร่ครวญ

ในด้านพฤติกรรม ความเป็นมนุษย์นิยามด้วยการใช้ภาษา; การจัดโครงสร้างสังคมอันซับซ้อนในรูปของกลุ่ม, ชาติ, รัฐ และสถาบัน; และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ของมนุษย์ก่อให้เกิดวัฒนธรรมนับหมื่นนับพันวัฒนธรรม ซึ่งยึดถือความเชื่อ, ตำนาน, พิธีกรรม, คุณค่า และปทัสฐานทางสังคมต่างๆ กันไป

ความตระหนักถึงตนเอง, ความใคร่รู้ และการใคร่ครวญของมนุษย์ ตลอดจนความโดดเด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายธรรมชาติและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทั้งในทางวัตถุธรรมและในทางนามธรรม คำอธิบายในทางนามธรรมนั้นจะเน้นมิติทางเจตภาพของชีวิต และอาจรวมถึงความเชื่อในพระเป็นเจ้า, เทพเจ้า หรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ตลอดจนแนวคิดเรื่องวิญญาณ ความพยายามที่จะสะท้อนภาพตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นพื้นฐานของความคิดทางด้านปรัชญา และมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

เพื่อนคือ.....








เพื่อน คือผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ผู้ทำให้ชีวิตเปี่ยมด้วยความหมายและมีคุณค่าสูงสุด
เพื่อน คือพันธสัญญาแห่งความเข้าใจที่ตรงกัน
เพื่อน คือบุคคลที่คบกับเราในลักษณะที่เราเป็นอยู่โดยที่เราไม่ต้องใส่หน้ากาก
เพื่อน คือคนที่เผชิญความทุกข์ยากแล้วสวมหัวใจเดียวกัน สวมรองเท้าคู่เดียวกัน
เพื่อน คือมิตรแท้ที่กล้าให้คำมั่นสัญญาต่อมิตรได้
เพื่อน คือผู้ที่ยินดีเข้ามาในชีวิตเราขณะเมื่อคนทั้งโลกจากเราไป
เพื่อน คือมิตรที่พยายามส่งเสริมเราให้ความสนใจเรา เชื่อในตัวเราตามที่เราเป็นจริง
เพื่อน คือคนที่ยังอยู่กับเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขแม้ในเวลาที่เราไม่มีประโยชน์จะให้
เพื่อน คือคนที่รักเรา แม้เราจะทำสิ่งไม่ดีที่สุดแต่ศัตรูเกลียดเรา แม้เราจะทำแต่สิ่งที่เขาก็รู้ว่าดีที่สุด
เพื่อน คือคนที่ความเต็มใจช่วยเหลือแท้ 100% มิใช่เห็นแก่ประโยชน์
เพื่อน คือคนที่เข้าใจเราได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดมากเพราะเขาคุ้นเคยและรู้จักความคิดความอ่านของเรา แค่มองหน้าก็รู้ปัญหา แค่มองตาก็เข้าใจ
เพื่อน คือคนที่อยู่กับเราทุกสภาพชีวิตไม่ว่าเรามีชื่อเสียงหรือตกต่ำ
เพื่อน คือผู้ที่หาโอกาสช่วยจัดสรรอย่างเต็มที่โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากขอ
เพื่อน คือบุคคลที่เราสามารถฝากชีวิตจิตใจได้โดยเฉพาะยามทุกข์ลำบาก
เพื่อน คือคนที่ไม่ได้เห็นผิดเป็นชอบ แต่ตักเตือนเราไม่ให้หลงผิดและแนะนำทิศให้ถูกทาง
เพื่อน คือคนที่ยกโทษให้อภัยเราได้ไม่จำกัดด้วยความยินดี
เพื่อน คือคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับเราในทุกอย่างทุกครั้ง แต่เป็นคนที่คิดพิจารณาและตักเตือนเราด้วยในบางครั้ง
เพื่อน คือคนที่ช่วยเราอย่างครบถ้วนจนกว่าปัญหาของเราจะหมดไป
เพื่อน คือคนที่ช่วยเราด้วยความเต็มใจ
เพื่อน คือคนที่ยินดีสละเวลา ทรัพย์สินเงินทองเพื่อเราได้
เพราะเพื่อนแท้ก็คือ ผู้ที่เราชอบพอรักใคร่ ผู้ที่อยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเรา
เพื่อน คือคนที่ก้าวเหยียดอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยเรา

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Pluie




La pluie désigne généralement une précipitation d'eau à l'état liquide tombant de nuages vers le sol.



Formation de la pluie

La pluie résulte de l'évaporation de l'humidité qui existe dans la nature et plus particulièrement des grandes étendues d'eau (lacs, mers...). Cette vapeur d'eau s'élève et, se refroidissant par détente, se condense autour de noyaux de condensation (poussières, pollens, aérosols...) et donne des nuages. Lorsque la condensation est trop importante et que les gouttes d'eau alors formées sont trop lourdes (environ 0,5 mm de diamètre), elles tombent, formant ainsi une pluie, si les conditions météorologiques s'y prêtent. Des variations de température sur le parcours de la pluie peuvent ainsi occasionner d'autres formes de précipitation : neige, grêle, grésil...

Vie




La vie est le nom donné :
à un phénomène empirique particulièrement important pour les humains (qui sont eux-mêmes vivants et pour qui les autres êtres vivants ont une place essentielle), mais qui ne se laisse pas facilement définir (cf.
infra). Ce phénomène s'oppose à la notion de matière inerte, et s'articule avec la notion de mort ;
à une étendue temporelle, entre la
naissance et la mort ;
au contenu en événements ou en actions de cette étendue temporelle, pour un humain ;
à l'approche harmonieuse des relations humaines (voir «
question sociale »).
Une des marques de l'hominisation est l'existence de rites funéraires, et donc d'une conscience d'une transition entre la vie et la mort. La vie est un concept primordial qui a donné lieu depuis des temps immémoriaux à de nombreuses réflexions empiriques, philosophiques, scientifiques, etc. C'est également un sujet de débat politique, qu'il s'agisse du traitement accordé aux êtres vivants par rapport aux humains et aux choses inertes (cf.
écologisme) ou des considérations sur le début et la fin de la vie humaine (cf. avortement, euthanasie, « vie éternelle »), biophilie.
Ces réflexions concernent :
la catégorie statique (par opposition à la matière « inerte » ou à l'état de mort) ;
le concept d’évolution (passage de la matière inerte à la vie, développement et dissolution des formes vivantes, mort, création, etc.).
Elles sont toujours liées aux notions d'
esprit et d'intelligence. Elles débouchent également sur des réflexions sur l'étendue temporelle et spatiale de la vie (y compris dans l'univers : « vie extraterrestre »). Elles s'interrogent à la fois sur les conditions d'apparition de la vie (phénomène unique ou au contraire très banal) et sur la possibilité d'une vie évoluée (par comparaison à l'humanité, implicitement considérée comme l'achèvement de l'évolution de la vie terrestre) au sein de l'univers.
En science, l'étude de la vie a été appelée
biologie. Elle s'est avérée être un développement de la chimie, plus spécifiquement de la chimie organique (à base de carbone), mais les théoriciens n'excluent pas d'adopter des définitions pouvant inclure des formes mécaniques ou électromécaniques, et même des formes créées par l'homme hors de tout processus reproductif naturel (« vie artificielle » ou cellule artificielle).

Amour




L’amour est un sentiment envers un être ou une chose qui pousse les personnes qui le ressentent à adopter un comportement, plus ou moins rationnel, les entraînant principalement à rechercher une proximité pouvant être tendre, physique, passionnée, intellectuelle, spirituelle, voire imaginaire, vis-à-vis de l'objet de cet amour.
L'amour peut être, selon la situation, faible, fort ou obsessionnel. Selon ces critères, il peut être plus ou moins contrôlé par la personne qui le ressent.
Par extension, l'amour désigne nombre de choses qui sont liées à ce sentiment, telles que, par exemple, l'objet de cet amour (« Mon amour »).

Louis Braille


Louis Braille, né le 4 janvier 1809 à Coupvray (près de Paris), mort le 6 janvier 1852, est l'inventeur du système d'écriture Braille pour personnes atteintes de cécité ou malvoyantes. Son père, Simon-René Braille, était un fabricant de selles et harnais. À l'âge de trois ans, Louis fut blessé à l'œil gauche par une alêne provenant de l'atelier. La blessure s'infecta et l'infection, s'étendant à l'œil droit, provoqua la cécité. À l'âge de dix ans il obtint une bourse pour entrer à l'Institution Royale des Jeunes Aveugles (Désormais l'Institut National des Jeunes Aveugles) de Paris. À l'école, les enfants apprenaient à lire sur des lettres en relief mais ne pouvaient pas écrire parce que l'impression était faite avec des lettres cousues sur le papier.
À l'âge de treize ans il invente un système de points en relief inspiré par la visite du capitaine à la retraite Charles Barbier de la Serre qui avait imaginé un système d'écriture de nuit permettant aux militaires d'échanger les ordres silencieusement. Ce système de Serre est basé sur douze points, tandis que celui de Braille l'est sur six. Braille a ensuite amélioré son système pour inclure la notation mathématiques et le solfège.
Braille mourut de tuberculose. Sa dépouille fut transférée au Panthéon de Paris.

Rose (fleur)




La rose est la fleur des rosiers, arbustes du genre Rosa et de la famille des Rosaceae. La rose des jardins se caractérise avant tout par la multiplication de ses pétales imbriqués qui lui donnent sa forme caractéristique.
Appréciée pour sa beauté, célébrée depuis l’antiquité par de nombreux poètes et écrivains, pour ses couleurs qui vont du blanc pur au pourpre foncé en passant par le jaune franc et toutes les nuances intermédiaires, et pour son parfum, elle est devenue la « reine des fleurs », présente dans presque tous les jardins et presque tous les bouquets. C’est sans doute la fleur la plus cultivée au monde, mais on oublie souvent que les rosiers sont aussi des plantes sauvages (le plus connu en Europe est l’églantier) aux fleurs simples à cinq pétales, qui sont devenus à la mode, pour leur aspect plus naturel, depuis quelques décennies sous le nom de « roses botaniques ».
Les rosiers cultivés sont le résultat de plusieurs siècles de transformations d’abord empiriques, puis, dès la fin du XVIIIe siècle, méthodiques, en particulier par l’hybridation. Les variétés sont innombrables, on estime à plus de 3000 le nombre de cultivars disponibles actuellement dans le monde

Écureuil




Le terme écureuil (/ekyʁœj/) désigne en français de nombreuses espèces qui, en premier lieu, appartiennent à la famille des Sciuridae :
le genre Sciurus en est le représentant principal et se rencontre un peu partout dans le monde ;
le genre Tamias comprend, entre autres, deux espèces commercialisées sous le nom d'Écureuil de Corée ;
le genre Tamiasciurus est celui des écureuils roux, présents en Amérique du Nord ;
le genre Ratufa, présent en Asie, comporte des animaux appelés écureuils géants ;
le genre des Spermophiles (Spermophilus) incluent quelques espèces appelées écureuils et sont considérés comme écureuils terrestres ;
Les écureuils volants sont des rongeurs de la famille des Anomaluridae (les écureuils volants) ou de la sous-famille des Pteromyinae (vrais écureuils volants).


วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Fête des mères



La fête des mères est une fête annuelle célébrée par les enfants en l'honneur de
leur mère dans de nombreux pays.
Compte tenu de la
longévité de la vie, cette fête est marquée également par
les adultes de tous âges pour honorer leur mère.

La fête des mères en différentes langues


(af) : Moedersdag
(ar) : عيد الأمّ (Eyd Al-Omm)
(ber) : tameγra n tyemmat
(bg) : Ден на майката (Den na maïkata)
(bs) : dan majki
(ca) : Dia de la Mare
(cy) : Sul y Mamau
(cz) : Den Matek
(da) : Mors dag
(dar) : روز مادر (Ruz-e Madar)
(de) : Muttertag
(dh) : މަންމައިންގް ދުވަސް ()
(el) : Γιορτή της Μητέρας (Yiortí tis Mitéras)
(en) : Mother’s Day
(eo) : Tago de patrinoj
(es) : Día de la Madre
(et) : Emadepäev
(eu) : Amaren eguna
(fa) : روز مادر (Rwz Mādar)
(fi) : Äitienpäivä
(fo) : Mammudagur
(ga) : Lá an Mháthair
(he) : יום האם (Yom haem)
(hi) : मतरु द॔न (Matru din)
(hr) : Majčin dan
(hu) : Anyák napja
(hy) : Մայրության օր (Mayroutyan or)
(id) : Hari Ibu
(is) : Mæðradagur
(it) : (La) Festa della mamma
(ja) : 母の日 (ははのひ) (Haha no Hi)
(ka) : ತಾಯಂದಿರ ದಿನ (Thayandira dina)
(ko) : 어머님 날 (Eomeonim nal)
(ku) : Roje dayeka
(lt) : Motinos diena
(lv) : Mātes diena
(mg) : Fetin'ny reny
(ms) : Hari Ibu
(ma) : Ammamar Dinam
(mt) : Jum l-Omm
(mgl) : Eejiin bayar/Eh ursiin udur
(me) : Dan majki/Дан мајки
(nl) : Moederdag
(no) : Morsdag
(pl) : Dzień Matki
(pt) : O Dia da Mãe (Portugal)/Dia das Mães (Brésil)
(ro) : Ziua femeii (Jour des femmes)
(ru) : День Матери (Den’ Materi)
(sk) : Deň matiek
(sl) : Materinski dan
(sq) : Dita e Nënës
(sv) : Mors dag
(sh) : Liepstacoq Bua
(ta) : Araw ng mga Ina/Nanay
(tam) : அந்அஇய்அர் ற்ஹஇன்அம் (Annaiyar Dhinam)
(tel) : Thalli kosamu
(th) : วันแม่ [wɑn mɛː]
(tr) : Anneler Günü
(ua) : Свято Матері (Sviato Materi)
(vi) : Ngày của Mẹ
(zh) : 母親節 (Mǔqīn jié)

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Carotte


La carotte (Daucus carota) est une plante bisannuelle de la famille des apiacées (anciennement ombellifères), largement cultivée pour sa racine pivotante charnue, comestible, de couleur orangée, consommée comme légume. Le terme « carotte » désigne aussi ce légume. C'est un légume riche en carotène.
Description
La carotte est une plante herbacée bisanuelle qui peut atteindre 80 cm de haut, à racine pivotante, épaisse et allongée.
Les feuilles sont profondément divisées et couvertes de poils.
Les fleurs blanches, de petite taille, sont regroupées en
ombelles composées, inflorescence caractéristique de la famille. Ces ombelles ont de 30 à 40 rayons, généralement incurvés vers le sommet. La fleur centrale, relativement plus grande est rouge pourpre, ce qui distingue les ombelles de carottes au premier coup d'œil. Les fleurs extérieures ont des pétales inégaux ceux situés vers l'extérieur étant relativement plus grands. La floraison a lieu de mai à octobre.
Les fruits sont des diakènes qui portent des côtes munies d'aiguillons participant à leur diffusion par les animaux.
La légende veut qu'elle rende aimable.

Le cœur conserve sa fonction symbolique

Le cœur n'est pas seulement un organe essentiel à la vie, il représente aussi l'amour (♥). Le cœur est le symbole de l'amour : on donne de façon métaphorique son cœur à la personne que l'on aime pour lui signifier qu'on lui confie sa vie. Ceci provient probablement de l'accélération cardiaque provoquée par l'émoi (le stress) lorsque l'on pense à l'être aimé (du fait de l'élévation de la pression artérielle, on sent battre le cœur dans sa poitrine, le cœur « bat la chamade »).
En fait, le mot cœur désigne plus largement ce qui se trouve au centre (le cœur du problème, au cœur de la nuit…). Le cœur est symboliquement attaché à tout ce qu'il y a de plus important, de plus essentiel ; nous avons autant besoin de nos
poumons que de notre cœur pour vivre, mais il semblerait que ce dernier soit cependant infiniment plus important dans notre inconscient puisqu'il a acquis une place primordiale dans notre langue en représentant l'amour, la générosité, la franchise, le courage
En religion, le
Sacré-Cœur est le Cœur royal de Jésus-Christ.
Voici quelques expressions contenant le mot cœur :
Apprendre par cœur. Pourquoi cette expression ?
La logique voudrait que l'on apprenne « par cerveau ». Toutefois, dans l'
Antiquité, les traités d'anatomie considéraient le cœur comme le siège des émotions, des passions, de la volonté, du courage, de la pensée, de l'intelligence et de la mémoire. C'est pourquoi à partir du XIIIe siècle, on apprenait « par cœur ». L'expression a traversé les siècles et est toujours utilisée aujourd'hui.
À cœur joie => Abondamment
À cœur ouvert, Cœur à cœur => Faire quelque chose avec franchise
À cœur vaillant, rien d'impossible => Avec de la volonté, du courage, tout est possible
Aller droit au cœur, Faire battre le cœur => Émouvoir quelqu'un par des paroles, des gestes…
Avoir bon cœur => Se dit de quelqu'un qui est charitable, bon, gentil…
Avoir du cœur => Se dit de quelqu'un manifestant de l’intérêt pour quelque chose
Avoir du cœur à l’ouvrage => Se dit de quelqu'un qui travaille avec enthousiasme
Avoir du cœur au ventre => Se dit de quelqu'un étant courageux
Avoir du poil au cœur => Se dit de quelqu'un qui fait preuve de courage
Avoir le cœur au bord des lèvres, Avoir mal au cœur, Avoir un haut-le-cœur => Se dit de quelqu'un ayant la nausée
Avoir le cœur bien accroché => Se dit de quelqu'un qui n’éprouve aucun dégoût, qui n'est pas émotif
Avoir le cœur gros, En avoir gros sur le cœur, Avoir le cœur brisé => Se dit de quelqu'un éprouvant du chagrin
Avoir le cœur léger => Se dit de quelqu'un qui est sans soucis
Avoir le cœur sur la main => Se dit de quelqu'un étant très généreux
Avoir le cœur sur les lèvres => Se dit de quelqu'un qui fait preuve de franchise
Avoir quelque chose sur le cœur => Se dit de quelqu'un éprouvant du ressentiment
Avoir un cœur d’amadou => Se dit de quelqu'un qui s’amourache facilement
Avoir un cœur d’or => Se dit de quelqu'un se montrant dévoué
Chauffer le cœur => Encourager quelqu'un
Cœur d’artichaut => Se dit de quelqu'un qui est inconstant en amour
Cœur de marbre, Cœur de pierre, Sans cœur => Se dit de quelqu'un étant insensible à ce qui l'entoure
Coup au cœur => Éprouver une grande émotion
Coup de cœur => Attirance spontanée
Crever le cœur => Causer une peine extrême
De bon cœur => Volontiers, avec plaisir
De cœur => Se dit de quelqu'un de grande valeur
De gaîté de cœur => Se dit d'un acte délibéré
De tout cœur => Entièrement
De tout son cœur => Extrêmement
Déchirer le cœur => Se dit d'un acte attristant
Dîner par cœur => Se passer de dîner, jeûner
Écouter son cœur => Être, rester, fidèle à ses sentiments
En avoir le cœur net => Enquêter pour savoir à quoi s’en tenir
Faire contre mauvaise fortune bon cœur => Se montrer courageux dans l’adversité
Faire la bouche en cœur => Se dit de quelqu’un qui minaude
Faire le joli cœur => Se dit de quelqu’un se montrant galant
Fendre le cœur, Serrer le cœur => Faire de la peine à autrui
Gagner le cœur de quelqu’un => Séduire cette personne, Gagner quelqu'un à sa cause
Haut les cœurs ! => Courage !
Jeter le cœur sur le carreau => Vomir
Le cœur n’y est pas => Se dit d'un acte exécuté sans plaisir
Loin des yeux, loin du cœur => L’amour ne résiste pas à l’absence
Mauvaise tête mais bon cœur => Se dit d’une personne ayant un caractère difficile mais étant généreuse
Ne pas porter quelqu’un dans son cœur => Détester cette personne
Ouvrir son cœur à quelqu’un => Se confier à cette personne
Parler à cœur ouvert => Parler franchement
Peine de cœur => Se dit d'un chagrin d’amour
Porter dans son cœur => Aimer quelqu'un, quelque chose
Prendre à cœur => S’appliquer à...
Rester sur le cœur => Se dit de quelque chose étant difficile à accepter
Ronger le cœur => Se dit de quelque chose qui cause une peine lancinante
Si le cœur vous en dit => Si vous le désirez
Tenir à cœur => Se dit de quelque chose ayant de l’importance
Vider son cœur => Se dit de quelqu'un révélant ses sentiments à autrui
Cœur de rockeur => cœur de pierre